กรุงเทพฯ 29 เม.ย.-กกพ.จัดอบรมเสวนา เรื่อง การกำกับตลาดและส่งเสริมการแข่งขันในกิจการพลังงาน โดยมีนายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ประธาน กกพ.เป็นประธาน มีการเสวนาในหัวข้อ”แนวโน้มการกำกับดูแลตลาดและการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติ”และหัวข้อ”บทเรียนจากการจัดหาไฟฟ้าโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน”
นายคมกฤช ตันตระวาณชิย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) เปิดเผยว่าสำนักงาน กกพ. จัดเวทีสัมมนาเชิงปฎิบัติการเรื่องการกํากับตลาดและส่งเสริมการแข่งขันในกิจการพลังงาน ให้กับผู้บริหาร บุคลากร เจ้าหน้าที่ สำนักงาน กกพ. สำนักงานการแข่งขันทางการค้า (สขค.) สื่อมวลชน และผู้ที่สนใจ เพื่อถ่ายทอดมุมมอง และประสบการณ์ จากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า ตลอดจน เป็นเวทีแลกเปลี่ยนระดมความคิดเห็นในการวางกรอบ การกำกับดูแล เพื่อลดการผูกขาดและส่งเสริมการแข่งขันกิจการพลังงานร่วมกัน
การจัดเวทีระดมความคิดเห็นเพื่อวางกรอบการลดปัญหาการผูกขาดและส่งเสริมการแข่งขันในกิจการพลังงาน เป็นความร่วมมือระหว่าง 2 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงาน กกพ. และ สขค. ซึ่งได้มีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการกำกับดูแลการแข่งขันในการประกอบกิจการพลังงานร่วมกันก่อนหน้านี้ โดยมุ่งหวังว่าจะสร้างกรอบแนวทางในการกำกับดูแลกิจการพลังงานร่วมกัน โดยคาดหวังว่าจะสร้างความชัดเจนให้กับผู้ประกอบการและสร้างความเป็นธรรมให้กับประชาชนผู้ใช้พลังงาน
นายพิทักษ์ จรรยพงษ์ กรรมการกำกับกิจการพลังงาน กล่าวในงานเสวนา ว่า ก๊าซธรรมชาติส่วนใหญ่ประมาณ 60% จะใช้ในโรงไฟฟ้า และ ประมาณ 16.5% จะใช้ในภาคอุตสาหกรรมซึ่งก๊าซธรรมชาติ 60% ที่ใช้ในโรงไฟฟ้าจะมีลักษณะการผูกขาดโดยธรรมชาติและการจะกำกับดูแล เราจะต้องรู้จักนิสัยใจคอของเขา และถ้าเราอยากจะเข้ามาค้าขายตรงนี้ จะต้องมีการจองท่อแต่ก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ขณะนี้มีการจองไปหมดแล้วซึ่งโรงไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ.จะใช้ก๊าซธรรมชาติประมาณ 110 ล้านลูกบาศก์ฟุตในการผลิตกระแสไฟฟ้า โดยท่อส่งก๊าซธรรมชาติในประเทศไทย มีความยาวเกือบ 5 พันกิโลเมตรและกระจุกตัวอยู่ในภาคกลาง และในแต่ละปีไทยเราจะใช้ก๊าซธรรมชาติประมาณ 1,400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อปี
ทั้งนี้ กกพ.กำลังจะดูการขนส่งออกจากแนวท่อโดยใช้รถบรรทุก ทั้งนี้การแข่งขันเรื่องกิจการพลังงานมาจากยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของรัฐบาล ดังนั้นพลังงานจะต้องแข่งขันได้ซึ่งขณะนี้การแข่งขันอยู่ในระยะที่ 2 โดยนโยบายพลังงานของรัฐบาล คือ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ทั่วถึง และการแข่งขันอย่างเสรีโดยประชาชนมีส่วนร่วม.-สำนักข่าวไทย