5 เรื่องสำคัญถือเป็นทั้งโอกาส-ความท้าทายในตลาดทุนไทย

กรุงเทพฯ 27 เม.ย.- ประธาน ตลท. ชี้ 5 เรื่องสำคัญ ที่จะเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายในตลาดทุนไทย ซึ่งเป็นแนวโน้มทั้งระยะสั้นและระยะยาวที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการในตลาดทุน


นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ”บทบาทตลาดเงิน ตลาดทุน สู่จุดเปลี่ยนเศรษฐกิจไทย” ในงานสัมมนา SET ก้าวสู่ปีที่ 48 ขับเคลื่อนตลาดทุนแห่งอนาคต ว่า ที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯ ประสบความสำเร็จในการทำหน้าที่เป็นสถาบันสำคัญในตลาดทุน ทั้งแง่การลงทุน และการระดมทุนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเป็นกลไกสำคัญในการจัดสรรทรัพยากรทุน และขับเคลื่อนการเติบโตเศรษฐกิจของประเทศ

ทั้งนี้ มี 5 เรื่องสำคัญ ที่จะเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายในตลาดทุนไทย ซึ่งเป็นแนวโน้มทั้งระยะสั้นและระยะยาวที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการในตลาดทุน คือ 1. พัฒนาการทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ 2. ความท้าทายจากสถานการณ์โควิด 3. กระบวนการ Digitalization 4. พัฒนาการด้านสินทรัพย์ดิจิทัล 5. ความยั่งยืนกับการพัฒนาตลาดทุนไทย


เรื่องที่ 1 พัฒนาการทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ หรือความเสี่ยงด้าน Geopolitics มีมากขึ้น ซึ่งส่งผลและเชื่อมโยงกับตลาดทุนไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ครอบคลุมเหตุการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศ ความขัดแย้งทั้งในและต่างประเทศส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนในระบบเศรษฐกิจ และการดำเนินธุรกิจทั้งในประเทศและระหว่างประเทศเป็นอย่างมากเช่น ปัญหาทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา-จีน, ปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน

ซึ่งความเสี่ยงด้าน Geopolitics เหล่านี้ จะมีผลกระทบเชื่อมโยงต่อตลาดทุนโลกและตลาดทุนไทย ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น ต้นทุนการประกอบธุรกิจจากความผันผวนของราคาพลังงาน, อัตราเงินเฟ้อ, ความผันผวนของค่าเงิน, การเคลื่อนย้ายเงินทุน, การท่องเที่ยว ตลอดจนการนำมาซึ่งมาตรการแทรกแซงการนำเข้า-ส่งออกสินค้า และการทำธุรกรรมภาคการเงิน ซึ่งเชื่อว่าสถานการณ์จะยังทอดยาวไปอีกพอสมควร และอาจเกิดผลกระทบในเชิงโครงสร้างต่อตลาดทุนไทยและตลาดทุนโลกในอนาคตได้

เรื่องที่ 2 ความท้าทายจากสถานการณ์โควิด โดยนับตั้งแต่การเริ่มระบาดของโควิดในประเทศจีนเป็นครั้งแรกเมื่อปลายปี 62 ทุกภาคส่วนในโลกล้วนได้รับผลกระทบทางด้านระบบสาธารณสุข และลุกลามต่อเนื่องมาเป็นปัญหาเศรษฐกิจและสังคมตามมา โดยในส่วนของประเทศไทย จากผลกระทบโควิดดังกล่าว เศรษฐกิจไทยเริ่มจะฟื้นตัวได้ในปี 64 ที่ 1.6% จากในปี 63 ที่เศรษฐกิจไทยติดลบไป 6.1% โดยในปี 64 SET Index เริ่มฟื้นตัว และบริษัทจดทะเบียนเริ่มมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น หลายองค์กรได้ปรับตัวเพื่อรับการแข่งขัน นำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนานวัตกรรมและธุรกิจในแบบ new economy มากขึ้น


แม้ภาพรวมจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมทั้งการฟื้นตัวของตลาดทุน แต่ในแต่ละภาคส่วนต่างได้รับผลกระทบและมีการฟื้นตัวที่แตกต่างกัน หรือเป็น K shape โดยอุตสาหกรรมหรือธุรกิจที่ฟื้นตัวได้ดี จะเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากสถานการณ์โควิด ในขณะที่บางอุตสาหกรรมต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัว เพราะได้รับผลกระทบอย่างมากจากการระบาด เช่น การท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ซึ่งการลดช่องว่างในการฟื้นตัวของแต่ละภาคธุรกิจนี้จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากมาตรการของภาครัฐ รวมทั้งอาศัยความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและเอกชน ในการผลักดันให้ภาคธุรกิจสามารถแข่งขันได้ดีขึ้นและเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งในส่วนของตลท.ได้มีส่วนในการผลักดันและช่วยเหลือกลุ่ม SMEs/สตาร์ทอัพ ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ดียิ่งขึ้น เช่น การจัดตั้ง Live Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเพื่อเป็นแหล่งความรู้และช่วยเตรียมความพร้อมให้ SMEs/สตาร์ทอัพ เข้าสู่ตลาดทุน ในการขณะที่ภาคธุรกิจเองจำเป็นต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป นำดิจิทัลเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการทำธุรกิจ และแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ

ทั้งนี้ ตลาดทุนไทย ถือเป็นทางเลือกในการระดมทุนในช่วงวิกฤตหลายช่วงที่ผ่านมา และเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับขีดความสามาถของเศรษฐกิจไทยสู่ระดับภูมิภาค

เรื่องที่ 3 กระบวนการ Digitalization ซึ่งก่อนที่จะเกิดวิกฤติโควิด หลายธุรกิจได้เริ่มมีการนำดิจิทัลเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการพัฒนาการทำงานในด้านต่างๆ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตของธุรกิจ และแหล่งรายได้ใหม่ๆ แต่เมื่อเกิดการระบาดของโควิด ได้ส่งผลต่อการดำเนินชีวิต และการประกอบธุรกิจในวงกว้าง ทำให้หลายองค์กรต้องเร่งกระบวนการ Digitalization ให้รองรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และผลักดันองค์กรให้เข้าสู่ Digitalization อย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น

ในส่วนของตลาดทุนเอง ก็ได้มีการผลักดันการใช้ดิจิทัลเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการแก่ผู้ร่วมตลาด เช่น การปรับปรุงบริการบริษัทจดทะเบียน แบบ end-to-end process, การใช้ระบบดิจิทัลในกระบวนการทางธุรกิจ เช่น e-Service Platform, e-Proxy Voting, e-Signature, e-Document เป็นต้น การเพิ่มช่องทางดิจิทัลแก่นักลงทุนเพื่อการเข้าถึงบริษัทจดทะเบียน และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตลาดทุน เช่น การพัฒนาระบบซื้อขายกองทุน FundConnext และเชื่อมโยงการซื้อขายสินค้า-บริการกับต่างประเทศ เช่น Clearstream

อย่างไรก็ดี ดิจิทัลเทคโนโลยี ก็อาจมีช่องว่างที่นำมาสู่ช่องโหว่ในการเข้าถึงข้อมูล มีการแฮคข้อมูลที่สร้างความเสียหายต่อองค์กร ดังนั้นองค์กรในตลาดทุนจึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นอย่างมากด้วย

เรื่องที่ 4 การพัฒนาด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ในปัจจุบันสินทรัพย์ดิจิทัลได้รับความสนใจอย่างมากจากคนรุ่นใหม่ ทำให้นักลงทุนรุ่นใหม่มีตัวเลือกมากขึ้นในการลงทุนสินทรัพย์ทางเลือก นอกเหนือไปจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทองคำ และสินค้าโภคภัณฑ์ ตลอดจนการลงทุนในตลาดหลัก คือ ตราสารทุน และตราสารหนี้ ซึ่งเป็นการเพิ่มทางเลือกและกระจายความเสี่ยงในการลงทุน เพิ่มการเข้าถึงและการมีส่วนร่วมในตลาดทุน แต่อย่างไรก็ดี ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน เนื่องจากมีสินทรัพย์ดิจิทัลมีความผันผวนสูง มีความไม่แน่นอนของกฎระเบียบและการกำกับดูแล รวมทั้งความเสี่ยงในการยืนยันตัวตน และปัญหาภัยทางไซเบอร์

สำหรับประเทศไทยนั้น ภายใต้โครงสร้างการกำกับดูแลในปัจจุบัน สินทรัพย์ดิจิทัลแบ่งได้ 3 ประเภทหลักๆ คือcryptocurrency, investment token และ utility token โดยภาคธุรกิจและกิจการต่างๆ อาจเลือกระดมทุนด้วยการออก investment token และ utility token

ตลาดหลักทรัพย์ก็ได้มีการเตรียมพร้อม platform ที่มีลักษณะเป็น open architecture ซึ่งอยู่ระหว่างขออนุญาตทำธุรกิจ digital asset exchange ที่พร้อมเชื่อมต่อและให้บริการร่วมกับ partner ต่างๆ เพื่อให้บริการการลงทุน การระดมทุน และบริการที่เกี่ยวเนื่องในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลโดยจะเน้นให้บริการด้าน digital tokens ทั้ง utility และinvestment token

เรื่องที่ 5 ความยั่งยืนกับการพัฒนาตลาดทุน การดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนนั้น ต้องมีการขยายแนวคิดให้กว้างขวางขึ้น โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียต่างๆ สังคมและสิ่งแวดล้อม หรือปัจจัยด้าน ESG (Environmental, Social and Governance) หลักธรรมาภิบาลหรือ governance ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ ได้อย่างยั่งยืน 

การที่องค์กรให้ความสำคัญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยมีนโยบายบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ย่อมมีผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น ตลาดทุนไทยจะมีบทบาทในการผลักดันให้องค์กรมีการเปิดเผยข้อมูล ESG พร้อมกับการพัฒนาระบบนิเวศธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเปิดเผยข้อมูลและรายงานด้านความยั่งยืนแก่ผู้ลงทุน นับเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้ผู้ลงทุนและผู้ใช้ข้อมูลได้เห็นถึงมุมมองการดำเนินธุรกิจในมิติที่กว้างกว่าข้อมูลทางการเงิน ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นต่อองค์กร

นอกจากจะส่งเสริมการนำหลัก ESG มาพัฒนาการดำเนินงานตามลักษณะการประกอบการของธุรกิจแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังได้ส่งเสริมเรื่อง ESG ให้กับทุก stakeholders ในตลาดทุนผ่านโครงการต่างๆ เช่น การลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก การจัดการขยะ การปลูกป่า และเตรียมพัฒนา ESG Data Platform เพื่อการนำข้อมูลด้าน ESG ไปใช้ในการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

นายประสาร กล่าวว่า ตลาดทุนไทยเติบโตขึ้นมาก ทั้งในแง่การเป็นแหล่งเงินทุนและช่องทางการลงทุน ส่งเสริมความคล่องตัวให้กับภาคธุรกิจ ผ่านการพัฒนาบริการและโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมสนับสนุนเรื่องความยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้เสีย และเมื่อมองไปข้างหน้า ซึ่งน่าจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

เจอตัวแล้ว! ทหารรัวปืน พาญาติช่วยเจรจามอบตัว

สุรินทร์ 15 ส.ค.- เจอตัวแล้ว! ทหารรัวปืนกลางดึก หลบอยู่ในบ้านใกล้ที่เกิดเหตุ ประสานญาติช่วยเจรจามอบตัว เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายปกครองและตำรวจ นำกำลังปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เพื่อติดตามตัวพลทหารก่อเหตุรัวยิงปืนกลางดึก ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ผกก.สภ.กาบเชิง ลงพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมตำรวจและทหาร ก่อนเดินทางไปติดตามอาการผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาล เบื้องต้นคนเจ็บให้การว่า นั่งดื่มสุรา 5-6 คน ก่อนจะแยกย้ายกันเหลือนั่งอยู่ 2 คน จากนั้นไม่นานพลทหารนายดังกล่าวก็ออกมายืนกราดยิงห่างประมาณ 50 เมตร วัยรุ่น 2 คนจึงรีบหมอบหลบได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ด้านนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุ ขณะนี้พบตัวทหารผู้ก่อเหตุแล้ว อยู่ระหว่างประสานไปยังครอบครัวให้เดินทางเข้าพื้นที่ช่วยเจรจามอบตัว -สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เตือนตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนักบางแห่ง

กรุงเทพฯ 15 ส.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบน […]

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย

บุกชิงทอง

ควงปืนชิงทองกลางห้างดังย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท ขี่ จยย.หนี

สมุทรปราการ 14 ส.ค. – คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ควงปืนจี้ชิงทอง ร้านทองกลางห้าง ย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุอุกอาจภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทองพร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวมราว 163 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ที่จอดอยู่ด้านหน้า ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ให้ข้อมูลว่า เห็นคนร้ายเดินเข้ามา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อก แต่คนร้ายไม่สนใจ ก่อนบุกเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง พนักงานชายร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาแล้วพูดว่า ‘หยิบทองมา’ จึงสั่งให้น้องพนักงานหมอบลงเพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และไม่เคยเห็นหน้าของคนร้ายมาก่อน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สภ.บางบ่อ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – […]