กรุงเทพฯ 26 เม.ย.-ผู้จัดการธ.ก.ส. เผย ในปีบัญชี 2565 นี้ ธ.ก.ส. มีเป้าหมายแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน ส่งเสริมการพัฒนาอาชีพ หลังปล่อยสินเชื่อสู่ระบบ 6.6 แสนล้านบาท
นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยผลการดำเนินงานปีบัญชี 2564 (1 เมษายน 2564 ถึง 31 มีนาคม 2565) ว่า ธ.ก.ส. ยังคงเติบโตแม้ต้องฝ่าวิกฤต ตอกย้ำความแข็งแกร่งของภาคเกษตรกรรมไทยที่ยังเป็นแรงหนุนสำคัญให้กับระบบเศรษฐกิจ โดยจ่ายสินเชื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระหว่างปีกว่า 6.6 แสนล้านบาท วางเป้าปีบัญชี 2565 มุ่งสู่การเป็นธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน โดยวางมาตรการฟื้นฟูและลดหนี้ครัวเรือนเกษตรกร เสริมองค์ความรู้และนวัตกรรมในการเพิ่มศักยภาพการผลิต การแปรรูป การเชื่อมโยงทางการตลาด เติมความคล่องตัวด้วยบริการทางการเงินที่ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการในยุคดิจิทัล พร้อมหนุนการพัฒนาและยกระดับชุมชนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้หลัก BCG
ธ.ก.ส. ได้สนับสนุนสินเชื่อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคชนบทในระหว่างปี จำนวน 667,971 ล้านบาท ทำให้มียอดสินเชื่อสะสมคงเหลือ จำนวน 1.6 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากต้นปีบัญชีจำนวน 35,485 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.26 ยอดเงินฝากสะสม 1.9 ล้านล้านบาท เพิ่มจากต้นปีบัญชีจำนวน 120,329 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ จำนวน 7,579 ล้านบาท
นายธนารัตน์ กล่าวต่อไปว่า ภาคเกษตรไทยพึ่งพาการค้าระหว่างประเทศถึงร้อยละ 80 ของ GDP ดังนั้นเมื่อเศรษฐกิจโลกถดถอย จึงส่งผลกระทบโดยตรงทั้งการส่งออกและรายได้ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจการเกษตร ในปี 2565 คาดว่า อาจขยายตัวร้อยละ 2 โดยมีพืชเศรษฐกิจหลักที่มีโอกาสเติบโตได้ดี เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ้อย ปาล์มน้ำมัน และยางพารา เนื่องจากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรม รวมถึงปัจจัยความผันผวนด้านราคาน้ำมันที่ เปิดโอกาสให้พืชทดแทนเข้าไปเป็นทางเลือก โดย ธ.ก.ส. จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้สิน ภาคครัวเรือน ส่งเสริมการพัฒนาอาชีพ ขับเคลื่อนนวัตกรรมการเกษตร หนุนพัฒนาชนบทสู่ความยั่งยืน และเน้นการเชื่อมโยงกับเครือข่ายด้านการเกษตรตลอดห่วงโซ่คุณค่า เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตและสร้างรายได้ที่มั่นคงยั่งยืนให้กับเกษตรกร
ในปีบัญชี 2565 (1 เมษายน 2565 – 31 มีนาคม 2566) ธ.ก.ส. มุ่งเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพพร้อมเป็นร่มสนับสนุนและดูแลเกษตรกรอย่างต่อเนื่องและไม่หุบร่ม แม้ต้องเผชิญภาวะวิกฤต วางเป้าหมายสินเชื่อเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 30,000 ล้านบาท เงินฝากเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 10,000 ล้านบาท และ NPL อยู่ที่ร้อยละ 4.50.-สำนักข่าวไทย