23 เม.ย. 65 “แหล่งเอราวัณ” เปลี่ยนผ่าน “สัมปทานสู่ PSC”

กรุงเทพฯ 21 เม.ย.- วันประวัติศาสตร์ 23 เม.ย. 65 “แหล่งเอราวัณ” เปลี่ยนผ่าน “สัมปทานสู่ PSC” เชฟรอนตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่งมอบ ลงนาม 4 ฉบับกับ ปตท.สผ. อีดี ด้านกรมเชื้อเพลิงฯ ลงนาม 7ฉบับร่วมปตท.-ปตท.สผ. อีดี. ตั้งวอร์รูมให้เปลี่ยนผ่านราบรื่น


บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ประกาศความพร้อมในการส่งมอบแหล่งปิโตรเลียมเอราวัณในวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2565 โดยได้มีการจัดตั้งศูนย์สนับสนุนการปฏิบัติการส่งมอบ (Transfer Support Center) ปฏิบัติการ 18-24 เมษายน 2565 และร่วมกับ บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด หรือ ปตท.สผ. อีดี ในการลงนามข้อตกลงการโอนและแก้ไขสัญญาเช่าเรือกักเก็บปิโตรเลียมเอราวัณ 2 (Deed of Novation and Amendment of Erawan 2 Floating Storage and Offloading Vessel [E2FSO] Bareboat Charterparty) ข้อตกลงในการใช้เรือกักเก็บปิโตรเลียมปัตตานี ในพื้นที่โครงการ G1/61 (Pattani Floating Storage and Offloading Vessel [PFSO] G1/61 Access and Service Agreement) ข้อตกลงการใช้สิ่งติดตั้งร่วมกัน (Joint Utilization Facilities Agreement หรือ JUFA) และ ข้อตกลงในการให้การสนับสนุนการดำเนินงานและการบำรุงรักษา (Operation and Maintenance Support Agreement)  ทั้งนี้ ภายหลังจากการส่งมอบดังกล่าว แหล่งเอราวัณที่ดำเนินการโดยเชฟรอนภายใต้สัญญาสัมปทาน จะเปลี่ยนผ่านเป็นแปลงสำรวจปิโตรเลียม G1/61 ที่ดำเนินการโดยปตท.สผ. อีดี ภายใต้ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต (Production Sharing Contract หรือ PSC)

ทั้งนี้ ศูนย์สนับสนุนการปฏิบัติการส่งมอบได้รับความร่วมมือจากทาง ปตท.สผ. อีดี และกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ มีเจ้าหน้าที่จากทั้งสองหน่วยงานทำงานร่วมกันกับเชฟรอน ณ สถานที่ปฏิบัติงานจริงกลางอ่าวไทย เพื่อให้มั่นใจว่าการส่งมอบจะเป็นไปอย่างราบรื่น และเชฟรอนยังให้การสนับสนุนการทำงานของศูนย์กำกับ ติดตาม ควบคุมสถานการณ์การเปลี่ยนผ่านระบบและการส่งต่อความรับผิดชอบจากผู้รับสัมปทานเป็นผู้รับสัญญา (War Room) ที่จัดตั้งขึ้นโดยกรมเชื้อเพลิงฯ อย่างเต็มกำลัง ในระหว่างวันที่ 23 เมษายน เวลา 18.00น. ถึงวันที่ 24 เมษายน เวลา 03.00 น.


นายชาทิตย์ ห้วยหงษ์ทอง ประธานกรรมการบริหาร  เชฟรอนฯกกล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า เชฟรอนมุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มที่เพื่อส่งมอบแหล่งเอราวัณอย่างปลอดภัย โดยเอราวัณ เป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติแห่งแรกในอ่าวไทย ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้ไทยสามารถพึ่งพาตนเองด้านพลังงานได้มากขึ้น และยังเป็นเหมือนโรงเรียนพลังงานกลางอ่าวไทยที่ช่วยพัฒนาบุคลากรในสาขาปิโตรเลียมให้กับประเทศจำนวนมาก จึงเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของเชฟรอนที่ได้สร้างและดำเนินงานแหล่งเอราวัณมากว่า 40 ปี ช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมควบคู่ไปกับการสร้างบุคลากรชาวไทยและวางรากฐานอุตสาหกรรมปิโตรเลียมของประเทศให้เติบโตอย่างต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งความสำเร็จนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจากความทุ่มเทของพนักงานเชฟรอนและพนักงานบริษัทผู้รับเหมาทุกคนทั้งในอดีตและปัจจุบัน ที่อุทิศตนทำงานเพื่อสนับสนุนความมั่นคงทางพลังงานด้วยความปลอดภัยให้กับประเทศมาตลอดกว่า 4 ทศวรรษ หลังจากนี้ เชฟรอนยังคงมุ่งมั่นดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายระยะยาวในการจัดหาพลังงานที่สะอาด อย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้ให้กับประเทศไทย ควบคู่ไปกับการมองหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานของประเทศต่อไปในอนาคต

ด้านกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ บมจ. ปตท. และ ปตท.สผ. อีดี ร่วมลงนามในสัญญาซื้อขายปิโตรเลียม และข้อตกลงเกี่ยวกับการใช้สิ่งติดตั้งของรัฐในการประกอบกิจการปิโตรเลียม สำหรับแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G1/61 (แหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณ) และหมายเลข G2/61 (แหล่งก๊าซธรรมชาติบงกช) เพื่อเตรียมความพร้อมในการผลิตก๊าซธรรมชาติให้มีความต่อเนื่อง

​   


สัญญา มีจำนวน 7 ฉบับ ประกอบด้วย สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติ (Gas Sales Agreement) สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลว (Condensate Sales Agreement) สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบ (Crude Sales Agreement) และข้อตกลงเกี่ยวกับการใช้สิ่งติดตั้งของรัฐในการประกอบกิจการปิโตรเลียม (Utilization Facilities Agreement) จำนวนรวม 4 ฉบับ สำหรับแปลง G1/61 และสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติ (Gas Sales Agreement) สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลว (Condensate Sales Agreement) และข้อตกลงเกี่ยวกับการใช้สิ่งติดตั้งของรัฐในการประกอบกิจการปิโตรเลียม (Utilization Facilities Agreement) จำนวนรวม 3 ฉบับ สำหรับแปลง G2/61

สาระสำคัญและวัตถุประสงค์เพื่อให้สิทธิแก่ผู้รับสัญญาในการใช้ประโยชน์สิ่งติดตั้งสำหรับประกอบกิจการปิโตรเลียมที่รัฐได้รับมอบมาจากผู้รับสัมปทาน โดยผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตมีหน้าที่บำรุงรักษา ต่อเติม ซ่อมแซม และเอาประกันภัยสิ่งติดตั้ง รวมถึงมีหน้าที่ในการรื้อถอนสิ่งติดตั้งดังกล่าวด้วย .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย