กรุงเทพฯ 20 เม.ย.-บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส คาดปีนี้จีดีพีไทยเติบโต 3.5% ยืนเป้าดัชนี 1800 จุด ชูธีมการลงทุน“กลุ่มเมตาเวิร์ส-ธุรกิจที่รับประโยชน์จากรถยนต์ไฟฟ้า-กลุ่มเฮลท์แคร์-กลุ่มที่ได้อานิสงค์จากการเปิดประเทศ” มาแรง ด้านตลท.แนะผู้ที่สนใจ กับฝึกฝนและเรียนรู้การลงทุน กับ โปรแกรมจำลองการลงทุนออนไลน์Click2Win
ในงานสัมมนาออนไลน์หัวข้อ “สู่การลงทุนเหนือชั้น ฝ่ายุค Digital-Metaverse–EV” โดยนายธนวัฒน์ ปัจฉิมกุล ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนต่างประเทศ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าว ว่า แม้เศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบทางลบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงและเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น แต่กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจะเป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัว และลดความเสี่ยงของภาวะอัตราเงินฝืดหรือ “stagflation” และธนาคารดีบีเอสและฝ่ายวิจัยได้ปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนในหุ้นจีนเป็น “Overweight” หลังจากที่รัฐบาลประกาศนโยบายหนุนเศรษฐกิจและหุ้นจีนราคาไม่แพงพร้อมกับแนะหุ้นกลุ่ม “quality” และตราสารหนี้กลุ่ม Investment Grade ในประเทศพัฒนาแล้ว โดยหุ้นที่เป็น ธีมเด่นคือกลุ่มเฮลท์แคร์ (Healthcare) และการลงทุนทางเลือก เช่นโครงสร้างพื้นฐานและทองคำ
ส่วนมุมมองต่อภาพรวมเศรษฐกิจปี 2565 ประเมินว่า เงินเฟ้อสูงยัง สร้างแรงกดดันต่อธนาคารกลาง โดยฝ่ายวิจัยDBS คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐหรือ เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 7 ครั้งในปี 2565 และธนาคารกลางยุโรปหรือ ECB จะหยุดทำคิวอี
ในขณะที่คาดการณ์อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจของไทยในปีนี้จะเติบโต 3.5% ส่วนปีหน้าจีดีพีขยายตัว 4.2% ส่วนประเทศสหรัฐอเมริกาประเมินว่าจีดีพีปีนี้โต 3% ส่วนปีหน้า 2% ด้านประเทศจีนประเมินจีดีพีปีนี้ 5.3% ปีหน้า 5% และประเทศในยุโรปจะมีอัตราการขยายตัวของจีดีพี 3% ขณะที่ปีหน้า 2.5%
ด้านนางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ทิศทางการลงทุนในปีนี้ยังคงยืนเป้าหมายดัชนีอยู่ที่ระดับ 1800 จุด อิงกับค่าพีอีเรโชว์ 18.9 เท่า
โดยตั้งแต่ต้นปี 2565 จนถึงสิ้นสุดวันที่ 12 เมษายน 2565 (YTD) นักลงทุนต่างชาติกลับมามียอดซื้อสุทธิ 1.1 แสนล้านบาท จากช่วง 5 ปีย้อนหลัง คือ ปี 2560-2564 นักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิทุกปี รวมขายสุทธิสะสมเท่ากับ6.7 แสนล้านบาท
ส่วนภาพรวมการลงทุนในไตรมาส 2/2565 นางสาวอาภาภรณ์ คาดว่าดัชนีหุ้นยังผันผวน โดยได้รับผลกระทบจาก อัตราเงินเฟ้อที่สูงจากต้นทุนผลัก (Cost Push) ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีโอกาสปรับเพิ่มดอกเบี้ยอัตรา 0.5% ในการประชุม 3-4 พ.ค.นี้ สงครามรัสเซียกับยูเครนที่ยืดเยื้อ ขณะที่โควิดยังแพร่ระบาดต่อเนื่อง และหนี้ภาคครัวเรือนสูง อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นในช่วงไตรมาส 2/2565 ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการเปิดเมือง เปิดประเทศ (Reopening) เงินสะพัดจาการหาเสียงเลือกตั้ง กลยุทธ์การลงทุน เน้นสร้างพอร์ตให้มีคุณภาพแข็งแกร่งและเติบโตได้ยั่งยืนในระยะยาว โดยเลือกซื้อสะสมหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีในจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัว
สำหรับธีมการลงทุนในปีนี้ บล.ดีบีเอสฯ แนะนำเลือกลงทุน ธุรกิจในโลกอนาคต หรือเมตาเวิร์ส ซึ่งถือเป็นเมกะเทรนด์ที่กำลังมาแรงทั่วโลก ธุรกิจที่รับประโยชน์จากยานยนต์ไฟฟ้า(EV) ที่มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ (Healthcare) เนื่องจากสังคมสูงวัยที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ความต้องการสินค้าและบริการด้านสุขภาพเพิ่มขึ้น กลุ่มธนาคารและประกันที่ได้อานิสงค์จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น กลุ่มสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน รวมทั้งกลุ่มท่องเที่ยวที่ทยอยฟื้นตัว หากไม่มีโควิดสายพันธ์ใหม่ที่รุนแรงเข้ามาเพิ่ม
ด้านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท. ) แจ้งว่า คนรุ่นใหม่ตื่นตัวสนใจการลงทุน และ ตลท.เดินหน้าร่วมมือกับพันธมิตร สร้างทักษะลงทุน มอบประสบการณ์ที่เข้าถึงง่าย จัดกิจกรรมต่อเนื่อง หลังร่วมมือ บริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอไทย ออนไลน์ (SBITO) จัด “SBITO Joystick Click to Win จับเกมเมอร์ เจอเกมหุ้น” โครงการแข่งเทรดหุ้นในรูปแบบอีสปอร์ตครั้งแรกของไทย โดยนำ Click2Win โปรแกรมจำลองการลงทุนออนไลน์เสมือนจริงมาผสานกับเทคนิคและรูปแบบเกมอีสปอร์ต พร้อมมีอบรมแนะเทคนิคลงทุนต่อเนื่องตลอด 3 เดือนและประกาศผลผู้ชนะไปเมื่อต้นเมษายนที่ผ่านมา โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 1,200 คน
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสร้างประสบการณ์พร้อมกับฝึกฝนและเรียนรู้ เตรียมพร้อมก่อนลงสู่สนามจริงกับ Click2Win ได้หลายช่องทาง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย สมัครได้ที่ www.settrade.com/click2win หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันStreaming Click2Win ได้ทั้งใน App Store และ Google Play Store .-สำนักข่าวไทย