กรุงเทพฯ 19 เม.ย.- เลขาธิการสทนช. ระบุ ได้ประชุมหน่วยงานด้านน้ำทั่วประเทศเพื่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบด้านบริหารจัดการน้ำทุกหน่วยจัดทำแผนงานโครงการเพื่อขับเคลื่อน 13 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2565 แล้วขอรับการสนับสนุนงบกลาง ย้ำโครงการที่หน่วยงานเสนอจะต้องมีพื้นที่เป้าหมายที่ชัดเจน พร้อมดำเนินการได้ทันที และสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า ได้ประชุมกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้องด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย จังหวัดทั่วประเทศและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศเพื่อชี้แจงหลักเกณฑ์และแนวทางการจัดทำข้อเสนอแผนงานโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝนปี 2565 และการกักเก็บน้ำเพื่อฤดูแล้ง ปี 2565/2566 หลังจากที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ที่มีพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานมีมติเห็นชอบมาตรการฤดูฝน ปี 2565 จำนวน 13 มาตรการ ทั้งนี้สทนช. ในฐานะฝ่ายเลขานุการกนช. จึงได้จัดประชุมชี้แจงหลักเกณฑ์โครงการดังกล่าวเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดทำแผนปฏิบัติการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
เลขาธิการ สทนช. กล่าวต่อว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเตรียมความพร้อมในการจัดทำข้อเสนอแผนงานโครงการให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติในการขอรับการสนับสนุนงบประมาณตามแผนงานโครงการเร่งด่วน ซึ่งโครงการที่หน่วยงานเสนอจะต้องมีพื้นที่เป้าหมายที่ชัดเจน มีความพร้อมดำเนินการได้ทันที และสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน หลังจากได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อให้การดำเนินการ 13 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2565 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทันต่อสถานการณ์ ที่สำคัญต้องเป็นโครงการที่ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมและได้รับการยอมรับจากประชาชนในพื้นที่
สทนช. ได้กลั่นกรองและจัดกลุ่มแผนงานโครงการให้สอดคล้องกับการดำเนินการของแต่ละกิจกรรมเป็น 5 กิจกรรมได้แก่ 1.การซ่อมแซม/ปรับปรุงอาคารชลศาสตร์ 2.การปรับปรุง แก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ และกำจัดผักตบชวา 3.การขุดลอกคูคลอง 4.การเตรียมพร้อมวางแผนเครื่องจักรเครื่องมือ และ 5.การเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเพื่อเก็บกักไว้ใช้ช่วงฤดูแล้ง
ทั้งนี้เมื่อหน่วยงานได้ทำการวิเคราะห์ ตรวจสอบ ประเมินพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม และความพร้อมดำเนินการโครงการให้สอดคล้องตามมาตรการรองรับสถานการณ์ฤดูฝนปี 2565 แล้ว จะต้องจัดทำรายละเอียดแผนงานโครงการ โดยบันทึกผ่านระบบบริหารจัดการแผนงานโครงการและฐานข้อมูลสำหรับบูรณาการแผน เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ หรือระบบ Thai Water Plan (TWP) เพื่อให้คณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด พิจารณารวบรวม กลั่นกรอง ประสานตรวจสอบสถานภาพความพร้อมดำเนินการ ความซ้ำซ้อน และความสอดคล้องกับการแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วนตามความจำเป็น เพื่อให้เกิดความโปร่งใส สามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในเชิงพื้นที่ได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ สทนช. จะกํากับ ติดตามผลการปฏิบัติงานของทุกหน่วยงานให้สอดคล้องตามมาตรการ และรายงานให้ กนช. และ ครม. รับทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย