กรุงเทพฯ 18 เม.ย. – ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่า จากที่จีนประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 1/2565 เติบโตร้อยละ 4.8 (YoY) และ 1.3 (QoQ) แม้เศรษฐกิจจีนจะแสดงแนวโน้มการฟื้นตัวได้ดีในไตรมาสแรก แต่จีนยังคงเผชิญปัจจัยเสี่ยงต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจในระยะที่เหลือของปี
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ความเสี่ยงมาจากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก จากผลกระทบของความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังไม่คลี่คลาย ประเด็นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังมีการผิดนัดชำระหนี้ทยอยออกมาใหม่ ซึ่งคาดว่าจะยังเป็นความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจจีนต่อไป นอกจากนี้ การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ สายพันธุ์โอไมครอน ที่เพิ่มแรงกดดันให้กับนโยบาย Zero-Covid ของจีน และการใช้มาตรการล็อกดาวน์เข้มงวด อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในช่วงที่เหลือของปี หากมีการระบาดไปยังเมืองต่างๆ ของจีนมากขึ้น ทำให้การบริโภคฟื้นตัวได้ช้า และเพิ่มแรงกดดันด้านโลจิสติกส์ต่อผู้ส่งออก
ในขณะที่ทางการจีนประกาศชัดในความพร้อมในการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งมาตรการทางการเงินผ่านการปรับลดดอกเบี้ย และการปรับลดสัดส่วนกันสำรองธนาคารพาณิชย์ (RRR) และมาตรการคลังเพิ่มเติม หลังจากได้มีการลดหย่อนภาษีสำหรับภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดใหญ่ ในส่วนภาคการคลัง ทางการจีนวางแผนการเพิ่มการใช้จ่ายของภาครัฐขยายตัวร้อยละ 8.4 ตลอดจนการขยายนโยบายสนับสนุนธุรกิจการผลิตขนาดเล็กและบุคคลที่ประกอบอาชีพอิสระผ่านมาตรการลดหย่อนและคืนภาษี รวมมูลค่ากว่า 2.5 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 395 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ในขณะที่ยังมีการคงโควตาสำหรับการออกตราสารหนี้รัฐบาลท้องถิ่นไว้ที่ 3.65 ล้านล้านหยวน เพื่อสนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ในส่วนภาคการเงิน ทางการจีนยังคงดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างต่อเนื่องผ่านการลดดอกเบี้ยและการลดสัดส่วนกันสำรองธนาคารพาณิชย์ (RRR) โดยวันที่ 15 เม.ย. ทางการจีนประกาศปรับลด RRR ลงในอัตรา 0.25% มีผลบังคับใช้ในวันที่ 25 เม.ย.65 ซึ่งจะเพิ่มสภาพคล่องสู่เศรษฐกิจราว 530 พันล้านหยวน (83 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบปี 2565 หลังจากมีการปรับลดมา 2 ครั้ง ในปี 2564
ดังนั้น จากปัจจัยความไม่แน่นอนที่เศรษฐกิจจีนเผชิญ ส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปี 2565 คาดว่าจะขยายตัวได้ในกรอบร้อยละ 4.4-4.8 โดยแรงหนุนหลักยังคงมาจากแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของทางการจีน การลงทุนของภาครัฐและเอกชน การส่งออกที่ยังเติบโตได้ ในขณะที่ยังคงต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในจีน รวมถึงแนวทางของจีนที่ใช้ในการบรรลุเป้าหมาย Zero-Covid ในระยะต่อไป ตลอดจนมาตรการภาครัฐเพิ่มเติมในระยะต่อไป ก่อนที่จะมีการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ใหญ่ในเดือนพฤศจิกายนนี้. – สำนักข่าวไทย