ธปท.ชี้แม้เงินเฟ้อพุ่ง แต่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวได้

กรุงเทพฯ  18 เม.ย.-ธปท. ปรับลดประมาณการณ์ GDP ปี 65-66 อยู่ที่ 3.2% และ 4.4% ตามลำดับ จากเหตุขัดแย้งยูเครน-รัสเซีย และปรับเพิ่มประมาณการณ์อัตราเงินเฟ้อ ปี 65 อยู่ที่ 4.9% ชี้เศรษฐกิจยังขยายตัวต่อเนื่องจากอุปสงค์ในประเทศและท่องเที่ยวฟื้นตัว


นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานการประชุมนักวิเคราะห์ (Analyst Meeting) ครั้งที่ 1 /2565  ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยและเงินเฟ้อว่า ในเดือนมีนาคม 2565 ธปท.ได้ปรับประมาณการณ์คาดการณ์ เศรษฐกิจหรือ GDP ปี 2565 และ ปี2566   อยู่ที่ขยายตัว3.2% และ 4.4%  ตามลำดับ จาก ประมาณการณ์เดือน  ธ.ค.2564 ขยายตัวอยู่ที่  3.4% และ 4.7% ตามลำดับ  ผลพวงจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน เป็นสำคัญ   ส่งผ่านเงินเฟ้อทั้งราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์  ส่วนการระบาดของสายพันธุ์โอไมครอน ไม่กระทบกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากเท่าระลอกเดลต้า   โดยคาดว่าจะไม่มีมาตรการควบคุมที่เข้มงวดมาก (large-scale lockdown) และมีการทยอยผ่อนคลายเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ ไตรมาส1/2565

“เศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัวต่อเนื่องในปี 2565 และ 2566 จากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ และภาคการท่องเที่ยว ประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 65 จะอยู่ที่ราว 5.6 ล้านคน ส่วนปี 66 อยู่ที่ราว 19 ล้านคน”


ด้านอัตราเงินเฟ้อ มีการปรับประมาณการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 65 และ 66 เป็น 4.9% และ 1.7% ตามลำดับสำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 65 จะอยู่สูงกว่ากรอบเป้าหมายจากราคาพลังงานที่ปรับสูงขึ้นมาก และการส่งผ่านต้นทุนในหมวดอาหารเป็นหลัก ทั้งนี้ ผลดังกล่าวจะทยอยลดลง ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับลดลงเข้าสู่กรอบเป้าหมายในปี2566 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีความเสี่ยงที่อาจสูงกว่ากรณีฐาน จากราคาน้ำมันที่มีโอกาสสูงกว่าที่ประเมินไว้ และการส่งผ่านต้นทุนของผู้ประกอบการที่อาจมากกว่าคาด

นายสุรัช แทนบุญ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายการเงิน ธปท. กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อในบริบทของเศรษฐกิจไทยเป็นผลจาก cost-push shocks โดยเฉพาะราคาพลังงานและอาหารสดเป็นหลัก ขณะที่ demand shocks ส่งผลไม่มากนัก โดยยังไม่เห็นราคาที่สูงขึ้นส่งผ่านไปยังสินค้านอกหมวดพลังงานและหมวดอาหาร   อย่างไรก็ตาม แม้อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะ 1 ปีข้างหน้าจะปรับเพิ่มขึ้นบ้าง แต่อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลาง ยังยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ระดับ 1-3% และไม่อ่อนไหวตามความผันผวนของราคาระยะสั้น  โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไป จะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในปี 66 จากราคาพลังงานและอาหารที่คาดว่าจะไม่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่องตามอุปทานน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น และปัญหาการขาดแคลนสินค้าโภคภัณฑ์ที่จะบรรเทาลง ขณะที่แรงกดดันด้านอุปสงค์ยังมีน้อย แต่จะทยอยเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ  โดยการดำเนินนโยบายการเงินนั้น จะให้น้ำหนักกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากกว่า โดยสามารถมองข้ามผ่านอัตราเงินเฟ้อที่เร่งสูงขึ้นในช่วงนี้ได้ 

อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเกิดจากปัจจัยด้านอุปทาน โดยในบริบทปัจจุบัน นโยบายการเงินสามารถมองผ่าน ความผันผวนระยะสั้นได้ แต่ต้องติดตามการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อและ เครื่องชี้แนวโน้มเงินเฟ้อ   (underlying inflation)  ในระยะต่อไป รวมทั้งแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ที่คาดว่าจะได้เห็นชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี 65.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชิงทอง

สอบเครียด! คนร้ายชิงทอง 113 บาท สารภาพเอาไปจำนำบางส่วน

สอบเครียดทั้งคืน ผู้ต้องหาชิงทอง 113 บาท รับสารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน ซื้อเบ้าหลอมเพื่อให้ยากต่อการติดตามของตำรวจ

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด

ข่าวแนะนำ

ไทยตอนบนอุณหภูมิลด 1-3 องศาฯ อีสานอากาศเย็นถึงหนาว

กรมอุตุฯ รายงานไทยตอนบนอุณหภูมิลดลง 1-3 องศาฯ กับมีลมแรง อีสานอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคเหนือ กลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตะวันออก และภาคใต้ตอนบน อากาศเย็นตอนเช้า ส่วนภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

ทำแผนชิงทอง

คุมทำแผนโจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท

คุมตัวทำแผน โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท ในห้างฯ ย่านลำลูกกา สารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน และซื้ออุปกรณ์หลอมทองเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่