กรุงเทพฯ 12 เม.ย.- โบรกเกอร์มอง “ภาษีหุ้น” กระทบลงทุน ขณะที่ รมว.คลัง ยืนยันเก็บ “ภาษีหุ้น” ในอัตรา 0.1% แบบเท่าเทียม เริ่มปี 65 คาดได้รายได้นับหมื่นล้านบาท
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่ากรณีที่กระทรวงการคลังจะจัดเก็บภาษีขายหุ้น 0.1% นั้น จะทำให้ต้นทุนของนักลงทุนสูงขึ้น กระทบมูลค่าซื้อ (วอลุ่ม) ลดลง ขณะที่บรรยากาศลงทุนในปัจจุบันก็ยังไม่เอื้ออำนวย เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นในปัจจุบันตลาดค่อนข้างผันผวนและลงทุนยาก เนื่องจากมีปัจจัยภายนอก และในกระทบค่อนข้างมาก
นายสุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. กสิกรไทย กล่าวว่า หากกระทรวงการคลังยืนยันจะจัดเก็บภาษีหุ้นในอัตรา 0.1% นั้น มองเป็น underweight หรือให้น้ำหนักการลงทุนน้อยกว่าตลาด จากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่ากระทรวงการคลังจะเลื่อนการเก็บภาษีหุ้นทำให้นักวิเคราะห์ปรับมุมมองให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นไทยในปีนี้กลับมาเป็น Neutral หรือ ทรงตัวเท่าตลาดเท่านั้น
ทั้งนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า จะเดินหน้านโยบายเก็บภาษีจากการขายหุ้นหรือ Financial Transaction Tax ภายในปี 65 โดยบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) มีหน้าที่ต้องจัดส่งภาษีขายหุ้นให้กับกรมสรรพากร ยึดตามหลักการเดิม คือ เก็บจากยอดขายในอัตรา 0.1% โดยจะจัดเก็บเป็นรายเดือน โบรกเกอร์จะเป็นผู้ส่งยอดมาให้กรมสรรพากร ซึ่งตามตัวบทกฎหมายที่ออกมา ให้เก็บภาษีขายหุ้นแบบเท่าเทียมกัน ไม่แยกรายเล็ก รายใหญ่ เบื้องต้น คาดว่า รัฐจะมีรายได้จากการเก็บภาษีขายหุ้นหลักหมื่นล้านบาทต่อปี
สำหรับแนวโน้มการจัดเก็บรายได้ของรัฐในปีงบประมาณ 65 นั้น รัฐมนตรีคลังประเมิน จะจัดเก็บได้ตามเป้าหมาย 2.4 ล้านล้านบาท โดยกระทรวงการคลังได้เพิ่มเป้าหมายการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจอีก 5% ขณะเดียวกัน หลังกระทรวงการคลังกำหนดให้จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ธุรกิจอี-เซอร์วิส จากแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างประเทศแล้วส่วนการเก็บภาษีความเค็ม กรมสรรพสามิตอยู่ระหว่างหารือกับกระทรวงสาธารณสุข และ ขณะนี้ กระทรวงการคลังยังไม่มีแผนจัดเก็บภาษีตัวใหม่อื่นๆ เพิ่มเติมอีก.-สำนักข่าวไทย