fbpx

ททท.มั่นใจมาตรการผ่อนคลายเข้าปท. ดันท่องเที่ยว-รายได้ โต

กรุงเทพฯ 11 เม.ย.- ททท.มั่นใจรัฐผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศ จะช่วยให้ในปีนี้ไทยมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 7 ล้านคน สร้างรายได้การท่องเที่ยวภาพรวมได้ถึง 1.07 ล้านล้านบาท ขณะที่ผู้บริหารธุรกิจโรงแรม ยืนยันเห็นสัญญาณฟื้นตัวลุยขยายธุรกิจต่อ


 นางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านบริหาร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. กล่าวว่า หลังจากที่ประเทศไทยได้ผ่อนคลายมาตรการเรื่องการเดินทางเข้าประเทศ โดยยกเว้นการตรวจแบบ RT-PCR จากประเทศต้นทางก่อนเดินทางเข้าไทย  เหลือเพียงการตรวจแบบ Test & Go ในวันแรกเมื่อเดินทางมาถึง และตรวจ Self -ATK อีกครั้งในวันที่ 5 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา ส่งผลให้บรรยากาศการท่องเที่ยวในภาพรวมของไทยกลับมาคึกคักทันที  ตั้งแต่วันแรกของมาตรการ สะท้อนผ่านจำนวนเที่ยวบินรวมถึงจำนวนตัวเลขของนักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดแตะหลักหมื่นคนต่อวัน  และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี   โดยในปี2565 นี้ทาง ททท.ได้ตั้งเป้ายอดนักเดินทางชาวต่างชาติเอาไว้ที่ 7 ล้านคน ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างรายได้การท่องเที่ยวภาพรวมให้ได้ถึง 1.07 ล้านล้านบาท 

อย่างไรก็ตาม ททท.ได้ปรับสัดส่วนแนวโน้มรายได้การท่องเที่ยว มาเป็นการท่องเที่ยวในประเทศ 60% และต่างประเทศ 40% จากเดิมที่รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศมากกว่า เพราะความไม่แน่นอนของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน  ประกอบกับ สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งส่งผลกระทบให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ราคา ตั๋วเครื่องบินแพงขึ้น บวกกับเส้นทางการบินถูกตัด การเชื่อมโยงและทำให้ต้องบินอ้อมมากขึ้น  สำหรับนักท่องเที่ยวที่บินระยะไกลที่จะมาเที่ยวไทย ทำให้นักท่องเที่ยวอาจเลือกไปเที่ยวประเทศระยะใกล้แทนเพื่อลดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะรัสเซียซึ่งติดอันดับหนึ่งในห้านักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาไทยมากที่สุด โดยอาจเลือกไปเที่ยวตุรกีแทนมาไทย อีกทั้งค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติจะลดลงจากปกติ รวมถึงผลกระทบจากการคว่ำบาตรด้านการเงินทำให้นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่เดินทางเข้าไทยชะลอตัวลงไป เช่นเดียวกับสถานการณ์ในประเทศ ยังคงต้องติดตามว่าสายการบินจะมีการปรับราคาตั๋วเครื่องบินหรือไม่ ซึ่งอาจกระทบทำให้นักท่องเที่ยวลดค่าใช้จ่ายส่วนอื่นแทน 


ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มเห็นการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้ แต่จะชัดเจนมากสุดคือปี 2566 สำหรับเทรนด์การท่องเที่ยวที่กำลังมาคือ กลุ่ม workation , health and wellness และ MICE (การจัดประชุมนานาชาติ การจัดงานแสดงสินค้าหรือบริการ) 

ขณะที่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2565 การเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น หากหลังสงกรานต์จำนวนผู้ติดเชื้อไม่เพิ่มขึ้นมาก เชื่อว่า เดือนพฤษภาคม จะเป็นช่วงทองของธุรกิจการท่องเที่ยว เพราะจะทำให้นักท่องเที่ยวมีความมั่นใจในการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น สำหรับอัตราการจองห้องพักภาคเหนือ ช่วงสงกรานต์เพิ่มขึ้นอยู่ที่เฉลี่ย 36.7% มีปริมาณนักท่องเที่ยวเข้ามา 4 แสนคน โดยจังหวัดหลักคือเชียงใหม่ ซึ่งคาดว่าปี 2565 จะมีรายได้ 5 หมื่นล้านบาทฟื้นจากช่วงก่อนโควิด-19 ถึง 50%

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด(มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2565  เห็นสัญญาณบวกของการเริ่มฟื้นตัวกลับมาของเศรษฐกิจในภาพรวม   สอดรับกับมาตรการฟื้นฟูกิจกรรมทางเศรษฐกิจของภาครัฐ   ส่งผลให้สถานการณ์ในประเทศมีแนวโน้มดีขึ้น ต่อเนื่องมาสู่ไตรมาสที่ 2 แต่ปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งเดิม AWC เคยมีสัดส่วนถึง 96%ของผู้ใช้บริการทั้งหมดช่วงก่อนโควิด แต่ปัจจุบันยังคงพึ่งพานักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นหลัก ในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวที่ผู้คนเดินทางกลับบ้านใช้ชีวิตกับครอบครัว ออกท่องเที่ยวและรับประทานอาหารนอกบ้าน ซึ่งทำให้การจับจ่ายใช้สอยกลับมาคึกคัก สร้างเม็ดเงินสะพัดหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น  มั่นใจว่าหากสถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลายในปี 2565 ทุกกลุ่มธุรกิจของ AWC จะกลับมาฟื้นตัวอย่างก้าวกระโดด สอดคล้องกับเทรนด์การเดินทางที่เกิดขึ้นทั่วโลก  จากกระแสการเดินทางท่องเที่ยวในรูปแบบ Long Stay และ Workation หรือทำงานไปด้วยเที่ยวไปด้วย   ซึ่งทำให้เกิดการเดินทางในวันธรรมดามากขึ้น เปิดโอกาสให้บุคลากรในหน่วยงาน หรือองค์กรต่างๆ และกลุ่มคนวัยทำงาน สามารถเปลี่ยนสถานที่ทุกที่ให้เป็นที่ทำงาน


ทั้งนี้ พบว่าภาพรวมยอดจองโรงแรมในเครือของ AWC ในช่วงต้นปี 2565  เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ปลายปี 2564 ถึงเดือนเมษายนปีนี้ โดยมียอดเพิ่มขึ้นเฉลี่ยกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย มีอัตราการจองเกือบ50% เทียบกับก่อนโควิด-19 ที่มีการจองห้องพักอยู่ที่ 77.89 %  โดย กทม. โต 1.8 เท่า, ภูเก็ตโต 8 เท่า และเชียงใหม่โต 1.8 เท่า 

นอกจากนี้ คาดว่าแนวทางการเปิดประเทศของรัฐบาล จะมีความชัดเจนในไตรมาส 3-4 และภาคธุรกิจการท่องเที่ยวมีความพร้อมร่วมกับภาครัฐ ฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวไปด้วยกัน และยังมั่นใจว่า เมื่อไทยเปิดประเทศแบบไม่มีเงื่อนไขเหมือนหลายๆ ประเทศที่กำลังดำเนินการ ไทยจะกลับไปเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกอีกครั้ง   ล่าสุด  AWC เปิดตัวโรงแรม มีเลีย เชียงใหม่ อย่างเป็นทางการเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว  ขนาด 260 ห้องพัก  และยังมีแผนเปิดโรงแรมอีก 3 แห่ง ภายในปี 2565 โดยปัจจุบัน AWC มีโรงแรมในเครือทั้งหมด 19 แห่ง .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศร้อนจัด-กลางวันฟ้าหลัว

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีอากาศร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวตอนกลางวัน แนะหลีกเลี่ยงการทำงานหรือการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานาน ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศร้อนจัดบางแห่ง โดยมีฝนฟ้าคะนอง 10%

ญาติคาใจ ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ

เหตุการณ์ตำรวจ สภ.จอหอ จังหวัดนครราชสีมา ขับรถกระบะไล่ล่า เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์คนร้ายคดีลักทรัพย์ จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ญาติคาใจการทำหน้าที่ของตำรวจว่า น่าจะทำเกินกว่าเหตุ ไม่เป็นไปตามยุทธวิธี ล่าสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว

คลี่ปมฆ่าโหดหนุ่มไทใหญ่ ทิ้งศพเชียงใหม่

ขมวดปมเข้ามาเรื่อยๆ สำหรับคดีฆ่าโหดใช้ค้อนปอนด์ทุบหัวหนุ่มไทใหญ่ลากขึ้นรถนำศพไปทิ้งที่ อ.แม่ริม เชียงใหม่ ล่าสุดเจ้าหน้าที่แกะรอยกล้องวงจรปิด พบรถที่กลุ่มคนร้ายใช้ขนศพ จ่อออกหมายจับอย่างน้อย 3 คน คาดปมสังหารจากเรื่องทะเลาะวิวาท

ไฟไหม้โกดังพระราม 2 เหตุร้อนจัด สารเคมีติดไฟเอง

กระทรวงอุตสาหกรรม เผยสาเหตุไฟไหม้โกดังย่านพระราม 2 มาจากอากาศร้อนจัด ทำให้สารไทโอยูเรียไดออกไซด์ติดไฟเอง เตือนสถานประกอบการให้แยกสารเคมีที่ติดไฟเองได้หรือสามารถทำปฏิกิริยาออกจากกัน หวั่นเกิดเหตุซ้ำ เพราะอากาศยังคงร้อนจัดต่อเนื่อง