กรุงเทพฯ 8 เม.ย. – ไอพีพี 5 พันเมกะวัตต์ ของกัลฟ์ เข้าระบบทั้งหมดภายในปีนี้ เป็นส่วนหนึ่งทำให้ กัลฟ์ ปรับเป้ารายได้ปีนี้โตเป็น 80% จากเดิม 60% ส่วนความร่วมมือไบแนนซ์ คาดตั้งบริษัทไตรมาส 2/65
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) กล่าวว่าบริษัทปรับเป้าหมายรายได้ปีนี้โตเป็น 80% จากเดิมคาดโต 60% เมื่อเทียบกับปี 64 ที่มีรายได้ 49,983.74 ล้านบาท โดยหลักจะมาจากโครงการ โรงไฟฟ้าไอพีพี GSRC หน่วยที่ 3 และ 4 กำลังผลิตติดตั้ง 1,325 เมกะวัตต์ ที่ทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในเดือนมี.ค.และ ต.ค.65, โรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเลที่เวียดนาม (Mekong Wind) คาดว่าจะเริ่ม COD ครบ 128 เมกะวัตต์ และโครงการโซลาร์รูฟท็อปผ่านบริษัท Gulf 1 กำลังการผลิตรวม 100 เมกะวัตต์จะทยอย COD ต่อเนื่องตลอดทั้งปี
บริษัทยังรับรู้ผลประกอบการเต็มปีของโรงไฟฟ้า GSRC หน่วยที่ 1 และหน่วยที่ 2 รวม 1,325 เมกวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้า DIPWP ระยะที่ 1 กำลังการผลิต 40 เมกะวัตต์ ที่ประเทศโอมาน ประกอบกับจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเต็มปีจากการลงทุนใน บมจ.อินทัชโฮลดิ้งส์ (INTUCH) ด้วย
นางสาวยุพาพิน กล่าวอีกว่า แผนดำเนินงานในปี 65 บริษัทยังคงเน้นลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 6,401 เมกะวัตต์ รวมทั้งธุรกิจจัดหาก๊าซธรรมชาติ หลังจากในปี 64 บริษัทได้เข้าไปลงทุนในบริษัท ปตท.จำหน่ายก๊าซธรรมชาติ จำกัด (PTT NGD) โดยถือหุ้นเพิ่มเป็น 42% จากเดิม 40% และ ยังได้รับอนุมติในการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (ชิปเปอร์) ส่งผลทำให้บริษัทสามารถจัดหาและนำเข้าก๊าซฯ รวมทั้งสิ้น 7.8 ล้านตัน/ปี โดยมีอายุ 10 ปี
ด้านธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ปัจจุบันเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ไปแล้ว 615 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง กำลังการผลิตติดตั้งรวม 128 เมกะวัตต์ และยังมีโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำปากลาย สปป,ลาว กำลังการผลิต 770 เมกะวัตต์
ในขณะที่ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านขนส่งและโลจิสติกส์ ได้ ปีที่ผ่านมาได้ลงนามสัญญาร่วมลงทุน PPP โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 สายบางปะอิน- นครราชสีมา (M6) ระยะทาง 196 กิโลเมตร และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) ระยะทาง 96 กิโลเมตร คาดว่าจะเปิดดำเนินงานในปี 66 และและยังลงนามก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ซึ่งมีความสามารถในการรองรับการขนถ่ายตู้สินค้าได้อย่างน้อย 4 ล้านทีอียูต่อปี โดยมีสัญญารวมทั้งสิ้น 35 ปี เปิดดำเนินการเฟสแรกปี 68 , เฟส 2 ปี 72
ส่วนธุรกิจดิจิทัล ปีที่ผ่านมาได้เข้าทำคำเสนอซื้อขาย INTUCH โดยสัดส่วนที่ซื้อได้เพิ่มขึ้นเป็น 42% จากเดิมถือ 19% ซึ่งปีนี้จะเป็นปีแรกที่บริษัทฯ สามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนเข้ามาเต็มปี และยังได้ลงนามบันทึกความร่วมมือกับ Singapore Telecommunications Limited (Singtel) เพื่อร่วมกันศึกษาและจัดทำแผนพัฒนาธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) ในประเทศไทย โดยร่วมลงทุนในสัดส่วนการถือหุ้นเท่ากันที่ 50% คาดว่าจะมีกำไรราว 12-13 ล้านบาท/เมกะวัตต์/ปี
ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 65 ได้มีมติอนุมัติให้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ วงเงินไม่เกิน 80,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินมาดำเนินการตามแผน ลงทุน โดยวางงบลงทุนใน 3-5 ปีข้างหน้าไว้ที่ 1 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่ราว 70-75% จะใช้ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เพื่อเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนไม่น้อยกว่า 30% ในปี 73 ส่วนที่เหลือจะใช้เงินลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติราว 10%, โครงสร้างพื้นฐานฯ 10% และดิจิทัล 5%
ส่วนความคืบหน้าการร่วมทุนกับกลุ่ม Binance เพื่อร่วมกันศึกษาและจัดทำแผนพัฒนาธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) ปัจจุบันอยู่ในช่วงของการเจรจา Shareholders Agreement คาดจะสามารถเซ็นสัญญาได้เร็วๆ นี้ หลังจากนั้นจะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนได้ภายในไตรมาส 2/65 เพื่อขอใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) และ แลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล คาดว่าจะเห็นความคืบหน้าในการทำเรื่องของแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้เร็วๆ นี้ .-สำนักข่าวไทย