สุพรรณบรี 8 เม.ย.- กรมอุทยานฯ ส่งลูกเสือโคร่งของกลาง ให้เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวากและศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวากดูแลอย่างใกล้ชิด เบื้องต้นสุขภาพยังอ่อนแอ
นายสุรศักดิ์ อนุเมธางกูร หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวากและศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวากเปิดเผยว่า รับมอบลูกเสือโคร่งของกลาง 1 ตัว เพศเมีย อายุประมาณ 2 เดือนจากกลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าเพื่อนำมาอนุบาลดูแล โดยลูกเสือโคร่งมีอาการถ่ายเหลว ต้องให้ยาฆ่าเชื้อกินรักษาต่อเนื่อง ผลตรวจโรคจากชุดตรวจ Test kit ไข้หัดหวัดแมวและลำไส้อักเสบเป็นลบ ตรวจสุขภาพภายนอกพบว่า มีน้ำมูกเล็กน้อย มีอาการจามในบางช่วง ไม่มีไข้ พบตัวเห็บบริเวณผิวหนัง บริเวณเงือก ลิ้น และช่องปาก ซีดกว่าปกติ (ไม่ชมพู) โดยได้ป้อนนม ซึ่งจะต้องกินนมชนิด KMR ทุก 2-3 ชั่วโมง / มื้อ นับว่าสุขภาพยังคงอ่อนแอจึงต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
สำหรับคำให้การของผู้กระทำความผิดที่อ้างว่านำลูกเสือโคร่งมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อนำไปขายต่อ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ชุดเหยี่ยวดงและตำรวจบก. ปทส. จับกุมเสียก่อน ทางกรมอุทยานแห่งชาติฯ โดยศูนย์นิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่าจะตรวจสอบกับฐานข้อมูลเสือโคร่งในกรงเลี้ยงว่าลูกเสือโคร่งตัวดังกล่าวมีที่มาอย่างไร
การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า จะมีการนัดรับส่งสินค้าสัตว์ป่า บริเวณลานจอดรถ ห้างสรรพสินค้า ตำบลธงหิน อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี จึงวางแผนจับกุม โดยเมื่อคณะเจ้าหน้าที่เดินทางมาถึงสถานที่ดังกล่าว ได้มีชาย 1 คน ขับรถยนต์เก๋งฮอนด้าซิตี้สีเทาเข้ามาในลานจอดรถ ชั้น G เพื่อรอส่งมอบสัตว์ป่าให้กับชายอีก 2 คนซึ่งรออยู่ก่อนแล้ว
เจ้าหน้าที่ซึ่งเห็นเหตุการณ์โดยตลอดจึงเข้าแสดงตัว และเข้าตรวจยึด-จับกุมผู้ต้องหา 3 คน คือ นายพี (ขอสงวนนามสกุล) นายตุ้ม (ขอสงวนนามสกุล) นายตรี (ขอสงวนนามสกุล) และตรวจยึดสัตว์ป่าคุ้มครอง จำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ชนิดลูกเสือโคร่ง (อายุประมาณ 4 เดือน) 1 ตัว รถยนต์เก๋ง ฮอนด้าซิตี้สีเทา 1 คัน โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง
ทั้งนี้นายพีและนายตุ้มให้การว่า ได้ติดต่อขอซื้อลูกเสือโคร่งมาจากนายตรี (ขอสงวนนามสกุล) ที่อ้างว่านำลูกเสือโคร่งมาจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อนำไปขายต่อ หากมีซื้อขายสำเร็จจะแบ่งเงินค่านายหน้าให้นายพีและนายตุ้มคนละครึ่ง แต่ถูกคณะเจ้าหน้าที่จับกุมเสียก่อน
สำหรับความผิดของบุคคลดังกล่าวเป็นความผิดตามมาตรา 17 ฐาน “มีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดี” มีอัตราโทษตามมาตรา 92 จำคุกไม่เกินห้าปี ปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 29 ฐาน “ค้าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” มีอัตราโทษตามมาตรา 89 จำคุกไม่เกินสิบปี ปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ประกอบมาตรา 112 และ มาตรา 116 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าพ.ศ. 2562 .-สำนักข่าวไทย