กรุงเทพฯ 1 เม.ย. – ธปท.เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน มี.ค.65 ฟื้นตัวดีขึ้นจาก ก.พ.65 เล็กน้อยจากภาคบริการ แต่ภาคการผลิตปรับลด ชี้โควิด-19 และกำลังซื้ออ่อนแอ ยังเป็นอุปสรรคฟื้นตัว ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก (RSI)ลดต่ำกว่าระดับ 50
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยสำรวจ ผลสำรวจเรื่องผลกระทบจากไวรัส COVID-19 ต่อภาคธุรกิจไทย (BSI COVID) และผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก (Retailer Sentiment Index: RSI) เดือนมีนาคม2565 โดดยสำรวจความคิดเห็นผู้ประกอบการรายใหญ่ และ เอสอ็มอี จำนวน 346 ราย ระหว่างวันที่ 1- 28 มีนาคม2565
สำหรับ ผลสำรวจเรื่องผลกระทบจากไวรัส COVID-19 ต่อภาคธุรกิจไทย (BSI COVID) พบว่า ในเดือนมีนาคม2565 ระดับการฟื้นตัวของธุรกิจโดยรวมปรับดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อน จากภาคที่มิใช่การผลิต โดยเฉพาะภาคบริการ สอดคล้องกับการฟื้นตัวของระดับการจ้างงาน จากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่ผ่อนคลายมากขึ้นขณะที่การฟื้นตัวของภาคการผลิตปรับลดลงเล็กน้อย โดยเฉพาะธุรกิจ ผลิตอาหาร เหล็ก เครื่องจักร และกระดาษส่วนหนึ่งจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนกระทบต้นทุนการผลิต ประกอบกับปัญหาการขนส่งที่ยังไม่คลี่คลาย
ธุรกิจมีมุมมองต่อการฟื้นตัวกลับไปสู่ระดับก่อน COVID-19 ล่าช้ากว่าการสำรวจรอบก่อน โดยกำลังซื้อที่อ่อนแอ และการแพร่ระบาดในประเทศยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการฟื้นตัว แต่ธุรกิจจกว่าครึ่งเห็นว่า ผลกระทบจากการระบาดของสายพันธ์ Omicronน น้อยกว่าระลอก Delta อย่างไรก็ตาม ธุรกิจส่วนใหญ่มีสภาพคล่องสำรองใกล้เคียงไตรมาสก่อน แต่การสต็อกวัตถุดิบคงคลังเพิ่มขึ้นในเกือบทุกธุรกิจ จากสถานการณ์การปิดโรงงานของคู่ค้าที่ทยอยคลี่คลายจากไตรมาสก่อน และราคาสินค้าที่มีแนวโน้มสูงขึ้น
ขณะที่ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก (RSI) ซึ่ง ธปท.จัดทำร่วมกับสมาคมผู้ค้าปลีกไทย พบว่าความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีกทั้งปัจจุบันและอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับลดลงมาอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 จากกำลังซื้อที่อยู่ในระดับต่ำ มาตรการกระตุ้นการบริโภคทยอยหมดลง ค่าครองชีพสูงขึ้น และจำนวนผู้ติดเชื้อจากการระบาดสายพันธุ์ Omicron เพิ่มขึ้น
ประเด็นพิเศษ พบว่า ผู้บริโภคมีแนวโน้มใช้จ่ายลดลงจากเดือนก่อน ตามมาตรการกระตุ้นการบริโภคที่หมดลง และประเมินว่าสถานการณ์จะปรับแย่ลงอีก จากกำลังซื้อที่ยังอ่อนแอ และปัจจัยกดดันจากราคาสินค้าพื้นฐานหลายหมวดปรับแพงขึ้น สะท้อนจากพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ผู้บริโภคเลือกซื้อเฉพาะสินค้าที่มีโปรโมชั่นและเลือกสินค้าที่มีขนาดบรรจุภัณฑ์เล็กลง.-สำนักข่าวไทย