กรุงเทพฯ 29 มี.ค.- ปตท.จับมือ WHAUP, Sertis และ PEA พัฒนาระบบ Peer-to-Peer Energy Trading Platform ผ่านเทคโนโลยี Blockchain ซื้อขายไฟฟ้าครั้งแรกในประเทศไทย ภายใต้ชื่อว่า “RENEX” หรือ ระบบบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะด้วยดิจิทัล
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ หรือ WHAUP บริษัท เซอร์ทิส จำกัด และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคหรือ PEA พัฒนาระบบ Peer-to-Peer Energy Trading Platform ผ่านเทคโนโลยี Blockchain การซื้อขายไฟฟ้าครั้งแรกในประเทศไทย ภายใต้ชื่อว่า “RENEX”หรือ โครงการ “ระบบบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะด้วยดิจิทัล” บริการซื้อขายพลังงานให้กับผู้ผลิตไฟฟ้ารายย่อยกับผู้ใช้พลังงาน ในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ โดยนำเทคโนโลยีบล็อกเชน (blockchain) มาใช้เป็นพื้นฐานของแพลตฟอร์ม ซื้อ-ขายไฟฟ้า ในราคาและปริมาณที่มีความเสถียรปลอดภัย ผ่านระบบการจับคู่และประมูลราคาที่ เซอร์ทิสคิดค้นร่วมกันกับ ปตท. จนได้รับการรับรองด้วยอนุสิทธิบัตร “วิธีการซื้อขายไฟฟ้าโดยมีโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมต่อระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย หรือ Smart Energy Platform” จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ
นายนิพนธ์ บุญเดชานันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WHAUP เผยว่า ได้พัฒนาระบบการซื้อขายไฟฟ้าแบบ Peer-to-Peer Energy Trading โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain เป็นส่วนหนึ่งของ ERC Sandbox หรือ โครงการทดลองด้านนวัตกรรมพลังงานของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถประมูลซื้อหรือขายไฟฟ้าจากระบบพลังงานแสงอาทิตย์ระหว่างกันเองได้อย่างเสรีผ่านระบบสายส่งของการไฟฟ้า ปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมโครงการ RENEX มากถึง 23 บริษัท ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในการให้บริการซื้อขายเชิงพาณิชย์ หลังจากภาครัฐอนุมัติเรียบร้อยแล้ว
นายนพดล ปิ่นสุภา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ระบบบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ เป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในกลุ่มธุรกิจพลังงานแห่งอนาคตที่เป็นเป้าหมายสำคัญของ ปตท. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการพลังงาน และยกระดับนวัตกรรมพลังงานยั่งยืนของประเทศ ตามกรอบวิสัยทัศน์ “Powering Life with Future Energy and Beyond ขับเคลื่อนทุกชีวิต ด้วยพลังแห่งอนาคต” การพัฒนาระบบบริหารจัดการพลังงาน ทั้งในส่วนการนำเทคโนโลยี Blockchain เข้ามาช่วยด้านการซื้อขายพลังงาน ตลอดจนนำเสนอนวัตกรรมด้านพลังงานเพื่อรองรับความต้องการใช้เชื้อเพลิงรูปแบบใหม่ ทั้งหมดนี้เพื่อรองรับการเติบโตของพลังงานหมุนเวียนในอนาคต และสร้างความเชื่อมโยงระหว่างกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนยกระดับสินค้าบริการที่มีคุณภาพระดับสากล เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมและผู้รับบริการได้อย่างครบวงจร ควบคู่กับการขับเคลื่อนประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ความร่วมมือกับพันธมิตรในครั้งนี้ จึงเป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศด้านนวัตกรรมพลังงานของประเทศให้มีความพร้อมและสมบูรณ์ยิ่งขึ้นสู่การพัฒนาต่อยอดให้เกิดความยั่งยืนในการผลิตพลังงานในอนาคตต่อไป.-สำนักข่าวไทย