ธ.ก.ส. ขับเคลื่อน 7 โครงการด้านสิ่งแวดล้อม

กรุงเทพฯ 28 มี.ค.- ธ.ก.ส. ดัน 7 โครงการสร้างการเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  ทั้งการเพิ่มพื้นที่การทำเกษตรอินทรีย์ การบริหารจัดการน้ำ ลดการเผาวัสดุทางการเกษตรในพื้นที่การปลูกข้าวและอ้อย  เพื่อลดค่า PM 2.5 เพิ่มการปลูกต้นไม้สร้างพื้นที่สีเขียวกับโครงการธนาคารต้นไม้ นำร่องสาขาใน 9 ภาคและสำนักงานใหญ่    


นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ภาวะโลกร้อนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งภัยธรรมชาติ มลพิษทางอากาศ และโรคอุบัติใหม่ ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ธ.ก.ส.ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวและได้ดำเนินนโยบายตามยุทธศาสตร์ชาติ ในการสร้างการเติบโตควบคู่ไปกับการดูแลด้านสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2564 (เมษายน 2564 – มีนาคม 2565) ได้วางเป้าหมายตัวชี้วัดที่ชัดเจนในการดำเนินโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย 

(1) โครงการขับเคลื่อนเกษตรกรรมยั่งยืน โดยส่งเสริมกระบวนการพัฒนาร่วมกับเครือข่าย เติมองค์ความรู้ให้เกษตรกร หันมาพัฒนาการผลิตในรูปแบบเกษตรธรรมชาติ เพื่อสร้างความมั่นคงปลอดภัยทางอาหารและการสร้างต้นแบบเกษตรกรรมในแต่ละภูมิภาค เพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้และจุดประกายในด้านการทำเกษตรอินทรีย์    วนเกษตร เกษตรผสมผสานหรือเกษตรทฤษฎีใหม่ที่ลดการพึ่งพาการใช้ทรัพยากรภายนอก โดยเฉพาะการลดใช้สารเคมี มาใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติในพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยสามารถเพิ่มพื้นที่ตามโครงการแล้วกว่า  67,000  ไร่ และเพิ่มต้นแบบการทำเกษตรกรรมยั่งยืนในแต่ละภูมิภาคจำนวน 9 แห่ง


(2) โครงการสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน โดยร่วมกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ในการพัฒนาศักยภาพ        กลุ่มเกษตรกร/วิสาหกิจ ชุมชนที่เป็นผู้ใช้น้ำไปสู่ชุมชนผู้ผลิต เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน โดยเติมองค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้น้ำบาดาลและระบบกระจายน้ำบาดาล  เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และการนำน้ำมาใช้ในกระบวนการผลิตทางการเกษตร โดยมีชุมชนที่เข้าร่วมโครงการแล้ว 843 แห่ง ทั่วประเทศ

(3) โครงการลดการเผาตอซังข้าวเพื่อลดฝุ่นละออง PM 2.5 เพื่อลดการเผาที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศและฝุ่นละออง PM 2.5 รวมถึงสนับสนุนให้เกิด Zero Waste หรือการลดขยะจากฟางข้าว ขยายผลเพิ่มใน 8 จังหวัดภาคกลางและเตรียมขยายผลเพิ่มในภาคอื่น ๆ โดยส่งเสริมและร่วมกับชุมชนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาตอซังข้าว ผ่านการจัดกิจกรรมการให้ความรู้ การเข้าไปช่วยแก้ปัญหา และสร้างแนวร่วมเป็นเครือข่าย ซึ่งมีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเข้าร่วมโครงการ คิดเป็นพื้นที่ทำนารวม  23,004 ไร่  สามารถสร้างรายได้เพิ่มจากการบริหารจัดการวัสดุเหลือใช้ เช่น  อัดฟางก้อนขาย 1 ไร่ ได้ประมาณ 40 ก้อน ๆ ละ 25 บาท มีรายได้ประมาณ 1,000 บาท/ไร่ การนำฟางข้าวมาทำเป็นกระถางต้นไม้ โดยฟางข้าว 2 กิโลกรัม ทำกระถางได้ 1 ใบ สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรต้นแบบเพิ่มขึ้น 30,000 บาทต่อปี  และยังมีรายได้เสริมจากการนำไปเพาะเห็ดฟาง

(4) โครงการลดการเผาอ้อยเพื่อลดฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี และราชบุรี  ซึ่งมีพื้นที่การผลิตรวม 1,598,133 ไร่ ลง อย่างน้อย ร้อยละ 20 ของพื้นที่การผลิตทั้งหมด เพื่อช่วยลดฝุ่นและก๊าซเรือนกระจกจากการเผาใบอ้อยและนำไปสู่การปลูกอ้อยแบบปลอดสารและมีคุณภาพ โดยจัดทำ MOU ระหว่างธนาคารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงงาน ชุมชน และส่วนราชการในพื้นที่  พร้อมเปิดรับสมัครเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ การให้ความรู้ สร้างแรงจูงใจและให้สิทธิประโยชน์ เช่น การขายอ้อยที่ปลอดการเผาให้กับโรงงานได้ในราคาที่สูงขึ้น  การปรับไปเป็นสินเชื่อ Green Credit ที่มีอัตราดอกเบี้ยลดลงและเงื่อนไขที่ผ่อนปรน เป็นต้น   ซึ่งมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการคิดเป็นพื้นที่ปลูกอ้อยรวม 363,184 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 22.72 นอกจากนี้ใบอ้อยที่ถือเป็นเศษวัสดุเหลือใช้ ยังนำไปแปรรูป และขายเป็นเชื้อเพลิง สร้างรายได้หมุนเวียนให้กับเกษตรกร


(5)  โครงการสินเชื่อผ่านแหล่งเงินทุนพันธบัตรเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) วงเงิน 6,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการระดมทุนจากภาคธุรกิจ  ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนภาคเกษตรกรรม ในการผลิตอาหารปลอดภัย (Food Safety) การส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ การสนับสนุนการใช้พลังงานทางเลือกหรือพลังงานสะอาด รวมถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดย ธ.ก.ส. นำเงินทุนดังกล่าวไปสนับสนุนให้เกษตรกรและชุมชน ผ่านโครงการสินเชื่อสีเขียว (Green Credit) โครงการสินเชื่อรักษ์ป่าไม้ไทยยั่งยืน ซึ่งมีเกษตรกรและชุมชนนำเงินไปสร้างผลผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไปแล้วกว่า 4,500  ล้านบาท สามารถสร้างแนวร่วมในการผลิตอาหารปลอดภัยไปแล้วกว่า 1,000 ตัน และเพิ่มปริมาณต้นไม้ในประเทศอีกกว่า 200,000 ต้น

(6) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ (Eco-Efficiency) เพื่อลดการใช้ทรัพยากรที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารพลังงานและทรัพยากร ในส่วนของสาขาธนาคารทั่วประเทศ โดยจัดทำสาขาต้นแบบ ภาคละ 1 แห่ง รวม 9 แห่ง  เพื่อวางแนวทางในการบริหาร  การกำกับและติดตามการลดใช้พลังงาน เช่น ไฟฟ้า น้ำมัน วัสดุอุปกรณ์ที่ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อน ควบคู่กับการสร้างมูลค่าเพิ่มในการทำงาน โดยคำนวณเป็นค่าแฟคเตอร์ในการวัดผล เพื่อพัฒนาไปสู่มาตรฐานในการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนและ  (7) โครงการลดผลกระทบจากกิจกรรมที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมขององค์กร เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและพัฒนาสภาวะแวดล้อมให้ดีขึ้น โดยนำอาคารสำนักงานใหญ่ ธ.ก.ส. มาเป็นต้นแบบในด้านการประหยัดพลังงานและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ การลดปริมาณขยะ การนำน้ำเสียมาปรับคุณภาพเพื่อใช้รดต้นไม้ โครงการติดตั้ง Solar Roof Car park โครงการกังหันน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการติดตั้งเครื่องควบคุมความเร็วรอบมอเตอร์ (VSD) และโครงการ ปรับ ลด ปลด เปลี่ยน เพื่อลดพลังงาน รวมถึงการรณรงค์ให้พนักงานเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อม เป็นต้น 

นายธนารัตน์ กล่าวอีกว่า ในปีบัญชี 2565 (เมษายน 2565 – มีนาคม 2566) ธ.ก.ส. ยังคงเดินหน้าในด้านการพัฒนาและรักษาสิ่งแวดล้อมต่อเนื่อง  ไม่ว่าจะเป็นโครงการปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว เพื่อลดการเกิดก๊าซเรือนกระจก และโครงการยกระดับธนาคารต้นไม้สู่ชุมชุนไม้มีค่า โดยมีเป้าหมายปลูกต้นไม้รวมสะสม จำนวน 250,000 ต้น โครงการสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน เป้าหมายสะสมเพิ่มเป็น 1,000 แห่งทั่วประเทศ การลดการเผาวัสดุการเกษตรในพื้นที่เพาะปลูกข้าวและอ้อยเพื่อลดฝุ่นละออง PM 2.5 โดยเพิ่มเป้าหมายลดพื้นที่การเผาเพิ่มอีกจำนวน 363,000 ไร่  โครงการลดผลกระทบจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร โดยมีเป้าหมายลดลงเฉลี่ยร้อยละ 5 และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพเชิงเศรษฐกิจ (Eco-Efficiency) ที่จะยกระดับการเพิ่มค่าแฟกเตอร์ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ทั้งนี้ ธ.ก.ส. มุ่งมั่นในการพัฒนาและรักษาสิ่งแวดล้อม โดยสร้างการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อให้ภาคเกษตรกรรมเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงการสนับสนุนเงินทุนแก่เกษตรกรเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและยกระดับคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย

ม็อบรถบัส 2 ชั้น ขู่บุกกรุง ค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า

ตรัง 4 มิ.ย. – ม็อบรถบัส 2 ชั้น ชุมนุมคัดค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า อ้างไม่ชอบ กม.-เส้นทางไม่เข้าหลักเกณฑ์กำหนด ขู่เคลื่อนขบวนพันคันบุกกรุง หากไม่ได้รับแก้ไข บริเวณอันดามันเกตเวย์ บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เขาพับผ้า เครือข่ายผู้ประกอบการรถบัส 2 ชั้น ในนามสมาคมรถโดยสารสองชั้นไทย กว่า 100 คัน พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ราว 200 คน ชุมนุมคัดค้านคำสั่ง กรมการขนส่งทางบกที่ห้ามรถบัส 2 ชั้นใช้เส้นทาง 7 แห่งทั่วประเทศ การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการจากทั้งภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อประท้วงคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.68 สำหรับรถทัวร์ และวันที่ 1 มิ.ย.68 สำหรับรถประจำทาง โดยชูป้ายข้อความต่างๆ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกลาออกจากตำแหน่ง นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย เปิดเผยว่า การสำรวจเส้นทางเขาพับผ้า พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องประกาศห้าม เนื่องจากมีความลาดชัน 8% […]

หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้า กลับลำ ยันไม่มีคนในชี้เป้า

กทม. 4 มิ.ย. – คุมตัว “แบงค์” หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลฯ ทำแผน เจ้าตัวกลับลำอ้างลงมือครั้งแรก ไม่มีใครชี้เป้า ปัดเจตนาชน รปภ.ดับ กลางดึกที่ผ่านมาตำรวจ สน.ท่าเรือ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ กว่า 20 นาย ควบคุม 5 ผู้ต้องหาแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณ ตู้คอนเทนเนอร์ ในโกดังสเตเตียม ถนนท่าเรือ 1 เขตคลองเตย จากนั้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนนายแบงค์ หัวโจก พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างเงียบๆ เพราะเกรงว่านายแบงค์จะถูกญาติ รภป. ผู้เสียชีวิต รุมประชาทัณฑ์ ภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายแบงค์กลับมา คุมขังที่ สน.ท่าเรือ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวได้พยายามซักถามว่านายแบงค์ก่อเหตุมาแล้วกี่ครั้ง นายแบงค์ อ้างว่าก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้ามาเพียงครั้งเดียว ส่วนนำไปขายใครนั้น นายแบงค์ไม่ตอบ และยืนยันว่าการก่อเหตุนี้ ไม่มีคนในมาชี้เป้า เพราะบริเวณนั้นใครก็รู้ว่าเป็นพื้นที่เก็บสินค้าที่ต้องการทำลาย พร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว รปภ.ที่เสียชีวิต และยอมรับว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจถอยรถชน […]

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ชายแดนติดตามสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 4 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำกองทัพไม่ขัดแย้งรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดกรณีการปะทะกันที่ช่องบก โดยระบุว่า การมาครั้งนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจกำลังพลที่อยู่แนวหน้า ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมในการดูแลและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงดูพื้นที่จริง ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ข่าวทหารกัมพูชาวางกับระเบิดเป็นของเก่า เวลานี้เรากำลังใช้ทางออกที่โลกอยากเห็น และเรายังไม่ได้เสียอธิปไตยตรงไหนไป สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละจุด เราอยากให้มันค่อยๆ คลายไป เรากำลังใช้มาตรการทางการทูตเชิงรุก เริ่มต้นจากเล็กไปหาใหญ่ และมาตรการต่างๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้น เราตกลงกันแล้วว่า จะคุยด้วยกันตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพราะยังไม่มีอะไร เราคำนึงถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เราจะใช้กระบวนการสันติวิธีให้ถึงที่สุด ถ้ามีอะไรเกินเลย ฝ่ายที่อยู่แนวหน้าจะต้องแจ้งเรา ซึ่งจะดำเนินการโดยทันทีทันใด ยืนยันกองทัพกับฝ่ายการเมืองไม่มีปัญหากัน .-สำนักข่าวไทย