กทม. 19 มี.ค.-กกพ. ตั้งเป้าปี 2565 เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานงานกำกับดูแลกิจการพลังงาน รองรับนโยบายการเพิ่มการแข่งขันของเอกชน ในภาคพลังงาน การพัฒนางานกำกับเพื่อรองรับเทคโนโลยีด้านพลังงาน บนกระแส Go Green พร้อมยกระดับมาตรฐานการให้บริการดูแลความเป็นธรรมให้ผู้ใช้พลังงาน
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนัก กกพ.) เปิดเผยว่า ในปี 2565 สำนักงาน กกพ.วาง 3 เป้าหมายขับเคลื่อนงานกำกับดูแลภาคพลังงาน ด้วยการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานงานกำกับ ดูแลกิจการพลังงานอย่างต่อเนื่องรองรับแนวโน้มการเพิ่มการแข่งขันในภาคพลังงาน โดยจะทยอยเพิ่มบทบาทภาคเอกชนในธุรกิจพลังงานเพื่อมุ่งสู่การเปิดเสรีภาคพลังงานไทยในอนาคต นอกจากนี้กระแสพลังงานสะอาด จะเป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงที่เราต้องปรับตัว ควบคู่กับบทบาทหลักที่ต้องดูแลมาตรฐาน และความเป็นธรรมในภาคพลังงาน
โดยเป้าหมายแรก ได้แก่ การปรับโครงสร้างพื้นฐานในงานกำกับกิจการพลังงาน ทั้งไฟฟ้าและก๊าชธรรมชาติ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้บุคคลที่สาม หรือภาคเอกชน สามารถเข้ามาร่วมใช้โครงสร้างพื้นฐานทั้งโครงข่ายพลังงานทั้งไฟฟ้า ก๊าชธรรมชาติ คลังเก็บก๊าชธรรมชาติ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างศึกษาปรับปรุงหลักเกณฑ์ ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และจะทยอยประกาศอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังอยู่ระหว่างการปรับปรุงมาตรการอื่นๆ ได้แก่ การวางแนวทาง จัดทำหลักเกณฑ์ข้อกำหนดการเปิดให้ใช้หรือเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (Third Party Access Framework Guideline) เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้รับใบอนุญาตระบบส่งไฟฟ้าหรือ ผู้รับใบอนุญาตระบบจำหน่ายไฟฟ้าไปดำเนินการจัดทำข้อกำหนดการเปิดให้ใช้หรือเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (TPA Code) และเปิดให้บริการรับส่งพลังงานไฟฟ้าแก่ผู้ประกอบกิจการไฟฟ้าที่สนใจ ภายใต้กรอบนโยบายต่อไป โดย Third Party Access Framework Guideline จะทยอยนำเข้าสู่การพิจารณาของ กกพ. อย่างต่อเนื่อง
ส่วนเป้าหมายที่สอง คือ การปรับตัวเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และกระแสพลังงานสีเขียว (Go Green Energy) ได้แก่ การสนับสนุนนโยบายรัฐบาล ในการผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และธุรกิจต่อเนื่อง ได้แก่ สถานบริการชาร์จประจุไฟฟ้า ในด้านการกำกับดูแลคุณภาพ และมาตรฐานการให้บริการไฟฟ้า สำนักงาน กกพ. ได้ร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) จัดทำมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับจุดจ่ายไฟยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อการอัดประจุไฟฟ้า สำหรับประเภทบ้านอยู่อาศัย อาคารชุด อาคารสำนักงาน และสำหรับประเภทสถานีอัดประจุไฟฟ้า นอกจากนี้ หน่วยงานการไฟฟ้า ได้ดำเนินการออกมาตรฐาน และความปลอดภัยในการประกอบกิจการพลังงานมาตรฐานของอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้ารวมทั้งข้อกำหนดการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้า ที่เกี่ยวข้องกับ EV Charging Station ภายใต้การกำกับดูแลของ กกพ.
ในช่วงการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีทางด้านพลังงาน (Energy Transition) สำนักงาน กกพ. ก็จะมุ่งสนับสนุน ส่งเสริม และพัฒนาเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียน ลดสัดส่วนการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลนำเข้าให้สอดรับกับกระแสการพัฒนาพลังงานสะอาด และพลังงานสีเขียว อาทิ การพัฒนาระบบการกักเก็บพลังงาน (ESS) เพื่อสร้างเสถียรภาพ และความมั่นคงทางพลังงาน การพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน (RE) การส่งเสริมผู้ใช้ไฟฟ้าให้สามารถผลิตไฟฟ้าใช้เอง (Prosumerization)
นายคมกฤช กล่าวว่า เพื่อเปิดโอกาสให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาแนวทางปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้มีความทันสมัย สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีด้านพลังงาน สำนักงาน กกพ. จะได้เปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมโครงการ ERC Sandbox ระยะที่ 2 ภายในเดือน เม.ย.2565
และเป้าหมายที่สาม การกำกับดูแลในมิติทางสังคม และการคุ้มครองผู้ใช้พลังงานในปี 2565 จะมุ่งยกระดับ และสร้างความเข้มข้นกับการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ การศึกษาเพื่อปรับปรุงงานคุ้มครองผู้ใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การยกระดับมาตรฐานสัญญาผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อย การขยายขอบเขตการคุ้มครองความปลอดภัยของผู้ใช้ไฟฟ้า ได้แก่ แนวทางปฏิบัติการดำเนินการรับเรื่องร้องเรียน ผลักดันให้มีการจัดระเบียบสายสื่อสารและอุปกรณ์โทรคมนาคมที่ติดตั้งบนเสาไฟฟ้า เพื่อลดความเสี่ยง และอันตรายในพื้นที่สาธารณะ โดยมีสำนักงาน กกพ. ประจำเขต ทั้ง 13 เขตทั่วประเทศ เป็นเจ้าภาพหลักในการดูแล รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ผู้ใช้พลังงาน รวมไปถึงการให้คำปรึกษา และให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายการส่งเสริมการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนในภาคประชาชน อาทิ โครงการโซลาร์รูฟท๊อป ตลอดจนให้สำนักงาน กกพ. ประจำเขต เป็นสถานที่สำหรับรวบรวมขยะพลังงาน เพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี
บทบาทในการกำกับ ดูแล กองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศ ตามมาตรา 97(3) เพื่อการพัฒนาหรือฟื้นฟูท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าก็ได้มีการกระจาย อำนาจในการพิจารณาจัดทำ และอนุมัติโครงการพัฒนาพื้นที่ รอบโรงไฟฟ้าสู่พื้นที่ พร้อมกับให้มีการต่อยอดกับโครงการในระบบงบประมาณของส่วนราชการในพื้นที่ การยกระดับธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการ และกำกับดูแลซึ่งสามารถทำให้การจัดทำโครงการสอดคล้องกับความต้องการในพื้นที่ จัดวางระบบการกำกับ ตรวจสอบการใช้เงินด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน และชุมชนในพื้นที่ด้วย.-สำนักข่าวไทย