กรุงเทพฯ 18 มี.ค. – กรมโรงงานอุตสาหกรรมเก็บตัวอย่างที่พบการลักลอบทิ้งที่จ. ปราจีนบุรี โดยหากพบเป็นของเสียอันตราย มีความผิดทั้งโรงงานและเจ้าของกาก
นายวันชัย พนมชัย อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมเปิดเผยว่า จากการที่ประชาชนแจ้งว่า บริษัทดังลักลอบทิ้งขยะพิษที่ตำบลลาดตะเคียน อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี โดยโรงงานในพื้นที่นำกากของเสียอันตรายมาฝังกลบในหลุมในเขตโรงงาน จึงได้สั่งการให้นายพฤกษ์ ศิโรรัตนเศรษฐ์ ผู้อำนวยการกองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม ร่วมกับนายพัดทอง กิตติวัฒน์ อุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบหลุมฝังกลบของโรงงานที่ต้องสงสัยดังกล่าว
ทั้งนี้ตรวจสอบแล้ว พบว่า โรงงานได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานคัดแยกและฝังกลบสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็นของเสียอันตราย 2 ใบ และนำน้ำมันหล่อลื่นที่ใช้แล้ว หรือสารทำละลายมาผ่านกรรมวิธีทางอุตสาหกรรมเพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิงทดแทน และทำเชื้อเพลิงผสม ทำน้ำมันทาแบบ สีกันสนิม ซ่อมและล้างบรรจุภัณฑ์ บดย่อยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ทำอิฐบล็อก อิฐตัวหนอน
จากการตรวจสอบในฐานข้อมูลโรงงาน พบว่า ในปี 2564 โรงงานได้รับอนุญาตให้นำของเสียไม่อันตรายเข้ามาฝังกลบภายในโรงงาน เช่น กากตะกอน 94,233 ตัน ขี้เถ้า 57,231 ตัน และจากการตรวจหลุมฝังกลบของเสียจำนวน 2 หลุม โดยหลุมแรกเป็นหลุมฝังกลบของเสียไม่อันตราย เช่น ขี้เถ้า กากตะตอน ซึ่งกรมโรงงานฯ ได้เก็บตัวอย่างเพื่อตรวจสอบต่อไป ส่วนหลุมฝังกลบที่ 2 พบของเสียต้องสงสัยส่งกลิ่นเหม็นลักษณะสีดำคล้ายน้ำมัน และถังบรรจุสารเคมีจำนวนมาก ซึ่งกรมโรงงานฯ ได้เก็บตัวอย่างเพื่อส่งตรวจวิเคราะห์ ซึ่งหากเป็นกากของเสียอันตราย จะสั่งให้หยุดประกอบกิจการทันที และส่งดำเนินคดีอย่างเข้มงวดต่อไป รวมทั้งดำเนินคดีกับเจ้าของกากของเสียอันตรายดังกล่าวอย่างถึงที่สุดต่อไปด้วย เบื้องต้นสั่งระงับการรับกากไว้ก่อนแล้ว
“นอกจากนี้ จากการเข้าตรวจสอบบริเวณอาคารรีไซเคิลกากของเสีย และอาคารทำเชื้อเพลิงผสมของโรงงาน ไม่พบเครื่องจักรบดย่อยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ การทำน้ำมันทาแบบ และสีกันสนิม รวมถึงไม่มีกระบวนการล้างถัง จึงได้สั่งการให้ระงับการรับกากของเสียมาดำเนินการในส่วนนี้ด้วย พร้อมเก็บตัวอย่าง กากของเสียภายในบ่อฝังกลบ และตัวอย่างน้ำ เพื่อนำมาตรวจหาค่าความเป็นอันตรายต่อไป โดยกรมโรงงานฯ จะเร่งตรวจสอบอย่างรวดเร็ว หากพบมีการกระทำผิดกฎหมายพร้อมดำเนินการอย่างเฉียบขาดทันที” อธิบดีกรมโรงงานฯ กล่าว.-สำนักข่าวไทย