ทิพยประกันภัยแจงพร้อมจ่ายเงินประกันโควิด

กรุงเทพฯ 17 มี.ค. – ทิพยประกันภัยยืนยันพร้อมจ่ายสินไหมประกันโควิดตามกฎหมาย ย้ำประกันแบบ “ชดเชยรายได้” ไม่ใช่ “เจอ จ่าย จบ” หากมีความจำเป็นทางการแพทย์ตามเงื่อนไขกรมธรรม์พร้อมจ่ายทันที ยอมรับเห็นใจประชาชน รอคำสั่ง คปภ. หากเข้าหลักเกณฑ์ อนุโลมช่วยจ่ายไม่เกิน 12,000 บาท


นายสมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ปโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIPP กล่าวถึงกรณีกลุ่มผู้ทำประกันภัยโควิดกับบริษัทเตรียมนัดรวมตัวเรียกร้องให้บริษัทจ่ายเงินให้ผู้เอาประกันภัยที่ป่วยโควิด แต่ถูกปฏิเสธการจ่ายเงิน เนื่องจากไม่มีความจำเป็นทางการแพทย์ ในวันจันทร์ที่ 21 มีนาคมนี้ว่า ได้เตรียมเจ้าหน้าที่ไว้ทำความเข้าใจกับผู้ที่มารวมตัว โดยเข้าใจว่ากลุ่มคนที่จะมาคือ กลุ่มผู้ป่วยสีเขียว ตามประกาศแนวเวชปฏิบัติสำหรับผู้ป่วยโควิด ของกระทรวงสาธารณสุข ที่มี 3 กลุ่ม คือ กลุ่มสีเขียว เหลือง และแดง ซึ่งกลุ่มผู้ป่วยสีเขียวเข้าใจว่าตนจะได้รับสิทธิเงินชดเชยรายได้ แต่ความจริงไม่ใช่

นายสมพร ชี้แจงว่า กรณีที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์โควิดนั้นจะต้องมีความจำเป็นทางการแพทย์ที่เข้ารับการรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน ในสถานพยาบาล ตามแนวเวชปฏิบัติที่ประกาศในขณะนั้น โดยกลุ่มสีเขียว ชัดเจน 100% จะไม่ได้รับเงินค่าสินไหม แม้จะรับการรักษาในระบบ HI รักษาตัวที่บ้าน หรือ CI รักษาตัวที่ฮอสพิเทล


อย่างไรก็ตาม หากเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่มีเหตุผลความจำเป็นทางการแพทย์ ตามประกาศของ สธ. เช่น อายุมากกว่า 60 ปี น้ำหนักตัวมากกว่า 90 กิโลกรัม ดัชนีมวลกายเกิน 30 มีอาการออกซิเจนต่ำกว่า 94% บริษัทพร้อมจ่ายเงินชดเชยให้

กรณีที่เป็นปัญหาตอนนี้ส่วนใหญ่คือ ใบรับรองแพทย์ระบุเพียงว่าเป็นนาย ก. ติดเชื้อโควิด รักษาตัวระหว่างวันที่เท่านั้นเท่านี้ ซึ่งเราจะเลี่ยงโดยดูประวัติการรักษาพยาบาล เพื่อให้รู้ว่ามีการรักษาพยาบาล ดูแลผู้ป่วยอย่างไร เพื่อดูความจำเป็นทางการแพทย์ เพราะหลายครั้งพบว่า มีการจ่ายเพียงยาฟ้าทะลายโจรอย่างเดียว ซึ่งไม่เข้าเงื่อนไข และไม่เกี่ยวว่าผู้ป่วยได้รับยาอะไร แต่ต้องขึ้นกับความจำเป็นทางการแพทย์ถึงจะสามารถจ่ายเงินได้ตามกรมธรรม์

อย่างไรก็ตาม จากการหารือร่วมกันระหว่างสมาคมประกันฯ และ คปภ. เพื่อหาทางออกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ล่าสุดได้ข้อสรุปว่าจะอนุโลมให้บริษัทประกันภัยคุ้มครองให้จ่ายเงินให้ผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว แม้จะเป็นผู้ป่วยนอก ตามความเป็นจริงไม่เกิน 12,000 บาท ส่วนกรณีที่เป็นกลุ่มสีเขียวที่มีปัจจัยเสี่ยงตามประกาศ สธ. ซึ่งจริงๆ ต้องไปอยู่โรงพยาบาล แต่หาโรงพยาบาลไม่ได้ จนต้องไปอยู่ในระบบ HI หรือ CI ให้จ่ายเงินชดเชยไม่เกิน 10 วัน โดยจะรอ คปภ. ออกคำสั่งอีกครั้งในเร็วๆ นี้


ซีอีโอบริษัท ทิพยประกันภัย ย้ำว่าที่ผ่านมาบริษัทไม่เคยรับทำประกันโควิด ประเภท “เจอ จ่าย จบ” เพราะขณะนั้นมองว่ายังมีข้อมูลเชิงสถิติไม่เพียงพอ โดยรับทำประกันเพียงประเภทคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล และคุ้มครองเงินชดเชยรายได้ รวมประมาณ 4 ล้านฉบับ เป็นเงินประมาณ 2,500 ล้านบาท ล่าสุดทยอยหมดอายุ เหลือเพียง 1.6 ล้านฉบับ มีการจ่ายค่าสินไหมไปแล้วกว่า 3,000 ล้านบาท และย้ำว่าหากจ่ายเงินชดเชยรายได้ให้ทุกคนที่ติดโควิดก็จะกลายเป็นกรมธรรม์ประเภท “เจอ จ่าย จบ” ที่กำลังเป็นปัญหาในขณะนี้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

หนุ่มอุดรฯ ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ 45 ล้านบาท

สุดเฮง! หนุ่มอุดรฯ ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ รับเงินรางวัล 45 ล้านบาท ลูกสาวเผยพ่อเป็นคนชอบทำบุญ ก่อนหน้านี้เพิ่งโทรมาบอกให้ใส่บาตร เชื่อผลบุญหนุนโชคลาภ

สามีภรรยาจากอยุธยารับ “เจ้าจอร์จ” ไปดูแล

สามีภรรยาใจบุญจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ขอรับ “เจ้าจอร์จ” สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ไปอุปการะแล้ว หลังกัดแทะร่างพระเจ้าของที่มรณภาพในกุฏิด้วยโรคประจำตัว

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้