กรุงเทพฯ 16 มี.ค. – คลัง-ธนาคารกลางเอเปค มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล ร่วมมือฟื้นฟูเศรษฐกิจ หลังโควิดคลี่คลาย ยอมรับเศรษฐกิจเอเปคขยายตัวร้อยละ 4.2 ในปี 65 ท่ามกลางความเสี่ยงโควิด-19 อัตราเงินเฟ้อ แนวโน้มดอกเบี้ยขยับเพิ่ม ระดับหนี้พุ่งสูง
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงว่า กระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมปลัดกระทรวงการคลังและรองผู้ว่าการธนาคารกลางเอเปค (APEC Finance and Central Bank Deputies’ Meeting : FCBDM) ระหว่างวันที่ 16-17 มีนาคม 2565 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน และมีผู้แทนสมาชิกเอเปค เช่น OECD, กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ธนาคารโลก ธนาคารพัฒนาเอเชีย ภายใต้แนวคิด “ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล มุ่งสู่การเงินการคลังยั่งยืน” มุ่งหารือดังนี้
ความร่วมมือการฟื้นฟูภูมิภาคเอเปค หลังโควิด-19 คลี่คลาย มุ่งเน้นนำเทคโนโลยีดิจิทัล มุ่งสู่การเป็นสังคมดิจิทัลและการเงินอย่างยั่งยืน การเน้นขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 3 มิติ ได้แก่ การค้าและการลงทุน นวัตกรรมและการใช้ประโยชน์จากดิจิทัล โดยกระทรวงการคลัง ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงาน ก.ล.ต. มุ่งจัดหาแหล่งทุน สร้างโอกาสในการเข้าถึงบริการของภาครัฐ การสนับสนุน SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุน FinTech การระดมทุนผ่านตลาดทุน

คาดเศรษฐกิจโลกในปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 4.4 และปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 3.8 ต่อปี ขณะที่เศรษฐกิจเอเปคขยายตัวร้อยละ 4.2 ในปี 2565 และขยายตัวร้อยละ 3.8 ต่อปี ในปี 2566 ยังต้องเผชิญปัจจัยความเสี่ยง โควิด-19 อัตราเงินเฟ้อ แนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายขยับเพิ่ม ระดับหนี้ที่สูงขึ้น และการปรับตัวสูงขึ้นของราคาสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ ซึ่งอาจเพิ่มแรงกดดันต่อปัญหาเงินเฟ้อและความชะงักงันของห่วงโซ่อุปทานได้
ผู้แทนจาก IMF คาดว่าในปี 2565 เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวร้อยละ 4.4 ต่อปี โดยภูมิภาคเอเปค ในปี 2565 จะขยายตัวร้อยละ 4 ต่อปี สำหรับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในหลายเขตเศรษฐกิจเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น สะท้อนจากยอดผู้ติดเชื้อสะสมใหม่เฉลี่ย 7 วัน มีจำนวนลดลง ปริมาณผู้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพิ่มขึ้น สะท้อนจากสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในหลายๆ เขตเศรษฐกิจได้ปรับตัวสูงขึ้น
สำหรับเศรษฐกิจไทย ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะผู้แทนไทย นำเสนอสถานการณ์และทิศทางเศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะขยายตัวได้ร้อยละ 4 ต่อปี แม้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ผลกระทบจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น แต่คลังมีความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจไทยจะสามารถฟื้นตัวได้จากสถานการณ์โควิด-19 ปรับตัวดีขึ้น และการท่องเที่ยวจากต่างชาติจะกลับมาเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง ส่งผลบวกต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจไทย โดยผู้แทนสมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปคอื่นได้แลกเปลี่ยนมุมมองทิศทางเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจเอเปค เพื่อขับเคลื่อนภูมิภาคเอเปคให้เติบโต โดยการประชุม FCBDM จะดำเนินต่อไปในวันที่ 17 มีนาคม 2565 ด้านการเงินเพื่อความยั่งยืนและเศรษฐกิจดิจิทัล.-สำนักข่าวไทย