กรุงเทพฯ 14 มี.ค. – อธิบดีกรมปศุสัตว์ ขอให้เกษตรกรเคร่งครัดรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพของฟาร์มและคอกสัตว์ เนื่องจากช่วงนี้อากาศแปรปรวน ทำให้สัตว์ป่วยง่าย รวมถึงแมลงพาหะของโรคจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น หากสัตว์ป่วยผิดปกติ ห้ามเคลื่อนย้ายเด็ดขาด แจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและควบคุมโรค
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวว่า ขอให้เกษตรกรหรือเจ้าของสัตว์ระวังโรคระบาดที่เกิดจากแมลงพาหะนำโรคได้แก่ ยุง ริ้น เหลือบ แมลงวันคอก เป็นต้น เนื่องจากเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว ประกอบกับมีสภาพอากาศที่แปรปรวน เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของแมลงพาหะนำโรค อีกทั้งลักษณะอากาศดังกล่าวส่งผลให้สัตว์เครียด อ่อนแอ และติดเชื้อต่างๆ ได้ง่าย จึงมีโอกาสที่จะพบการระบาดของโรคที่มาจากแมลงพาหะเพิ่มขึ้นได้แก่ โรคลัมปี สกิน ในโค-กระบือ โรคกาฬ โรคแอฟริกา และโรคโลหิตจาง ในม้า รวมถึงโรคพยาธิในเลือดต่างๆ เช่น โรคเซอร่า โรคแอนาพลาสมา โรคไข้เห็บ เป็นต้น
ดังนั้นจึงขอความร่วมมือเกษตรกรหรือเจ้าของสัตว์ในการดำเนินการป้องกัน ควบคุม กำจัดหรือลดปริมาณแมลงพาหะนำโรค โดยการใช้สารกำจัดแมลงพาหะด้วยวิธีการฉีดพ่นบริเวณคอกหรือสถานที่พักอาศัยของสัตว์ ร่วมกับการใช้ยาฉีดพ่น หรือราดหลัง หรือหยดบนตัวสัตว์ อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งการปรับภูมิทัศน์บริเวณสถานที่เลี้ยงสัตว์หรือแหล่งรวมสัตว์ ไม่ให้มีแหล่งน้ำขัง หรือแหล่งเพาะพันธุ์แมลง ทำความสะอาดฆ่าเชื้อคอกสัตว์อย่างสม่ำเสมอ ไม่ให้มีอุจจาระ ปัสสาวะ หมักหมม ควรเก็บอุจจาระไว้ในสถานที่ป้องกันแมลง และนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี รวมทั้ง เฝ้าระวัง และสังเกตอาการของสัตว์ทุกวัน
หากพบสัตว์ป่วยตายผิดปกติให้แจ้งสำนักงานปศุสัตว์ในพื้นที่หรือสายด่วนกรมปศุสัตว์ 063-225-6888 รวมถึงแจ้งผ่าน Application DLD 4.0 ได้ตลอดเวลา เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้เข้าตรวจสอบ ช่วยเหลือ และควบคุมโรคโดยทันที โดยลักษณะสัตว์ป่วยได้แก่ ม้า ลา ล่อ แสดงอาการ ซึม มีไข้ (อุณหภูมิมากกว่า 38.5 องศาเซลเซียส) กินอาหารลดลง มีอาการบวมน้ำบริเวณขมับหรือคอ ตาแดงอักเสบ ชัก หรือกระวนกระวายคล้ายอาการเสียดท้อง ส่วนในโค-กระบือ หากแสดงอาการซึม มีไข้ (อุณหภูมิมากกว่า 39.5 องศาเซลเซียส) ไม่กินอาหาร มีตุ่มนูนตามผิวหนัง หายใจลำบาก เป็นต้น ทั้งนี้ห้ามเคลื่อนย้ายสัตว์ออกจากฟาร์มโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไปยังท้องที่อื่นๆ
นอกจากนี้ ขอให้เกษตรกรและเจ้าของสัตว์เพิ่มความเข้มงวดการรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพเช่น ห้ามยานพาหนะ โดยเฉพาะรถรับซื้อสัตว์ รถอาหารสัตว์ รถรับซื้อมูลสัตว์ เข้าภายในฟาร์มโดยเด็ดขาด หากจำเป็น ต้องฆ่าเชื้อยานพาหนะจากภายนอกทุกคันที่เข้า-ออกฟาร์มหรือสถานที่เลี้ยงสัตว์ รวมถึงควบคุมแมลงพาหะด้วยสารกำจัดแมลงที่อาจมากับยานพาหนะดังกล่าวด้วย และงดการนำสัตว์เข้ามาเลี้ยงใหม่ จากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค ซึ่งสามารถตรวจสอบข้อมูลสถานการณ์ของโรคเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดหรือสำนักงานปศุสัตว์อำเภอในพื้นที่ ทั้งนี้หากกรณีเกษตรกรนำสัตว์เข้ามาเลี้ยงใหม่ ควรมีการกักแยกสัตว์ออกจากฝูงเพื่อสังเกตอาการอย่างน้อย 28 วัน พร้อมทั้งกางมุ้งกันแมลงหรือใช้สารกำจัดแมลงเพื่อควบคุมแมลงพาหะอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย