บอร์ด กพช.หารือพรุ่งนี้เพิ่มมาตรการรับวิกฤติพลังงาน

กรุงเทพฯ 8 มี.ค.- กบน.อัดเงินอุดหนุนดีเซลเพิ่มอีก 3.11 บาท เป็น 9.61 บาท/ลิตร กองทุนฯ วิกฤติ หวังรัฐนำงบฯ มาอุดหนุน หากยังใช้นโยบายดีเซลไม่เกิน 30 บาท นักวิชาการหนุนภาครัฐดูแลพลังงาน แนะไม่ควรขึ้นราคาแอลพีจี ด้าน กกพ.วอนร่วมประหยัดพลังงานลดผลกระทบแอลเอ็นจีราคาแพง

วิกฤติสถานการณ์สงครามรัสเซีย – ยูเครน ส่งผลต่อทั่วโลก พรุ่งนี้ (9 มี.ค.) จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานหารือ แผนรองรับวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น จากปกติมีแผนอยู่แล้ว แต่ก็ต้องปรับแผนให้รอบคอบมีพลังงานเพียงพอในราคาที่ไม่สูง


รายงานข่าว จากกระทรวงพลังงานแจ้งว่าหนึ่งในแนวทางหารือรือคือจะแก้ไขกฎหมายกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ให้กู้ยืมเงินได้เพิ่มขึ้น จากขณะนี้แก้ไขไป 1 รอบ ให้กู้เกิน 2 หมื่น เป็น 3 หมื่นล้านบาท โดยจะแก้ในส่วนมาตรา 26 ให้กองทุนมีเงินอย่างมีประสิทธิภาพเมื่อรวมกับเงินกู้แล้วจะไม่จำกัดแค่ 4 หมื่นล้านบาท และกระทรวงฯจะขอหารือว่า เมื่อสถานการณ์ราคาเกินคาดหมายและถือว่าเป็นวิกฤติ เพราะขณะนี้ราคาดีเซลขึ้นเกิน 5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ต่อสัปดาห์ นอกจากกู้เพิ่มแล้ว จะขอให้ภาครัฐนำงบกลางมาสนับสนุน) ตามมาตรา 6 (2) ที่รัฐบาลสามารถจัดสรรมาช่วยได้ในคราวฉุกเฉินและจำเป็น โดยขณะนี้เงินกองทุนเชื้อเพลิงก็ติดลบไปแล้วกว่า 2 หมื่นล้านบาท และไหลออกถึงกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ที่ประชุมจะพิจารณาโครงสร้างราคาตลาดก๊าซธรรมชาติ (pool price) ที่เป็นสูตรคำนวณราคาก๊าซที่มาจากในประเทศเมียนมา และการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี)

มุมมองของนักวิชาการ อิสระ”พรายพล คุ้มทรัพย์” มองว่าเหตุการณ์ราคาพลังงานที่พุ่งแรงเพราะสงครามยูเครน-รัสเซีย ซึ่งอาจจะเกิดปัญหาใหญ่ระยะสั้นไม่เกิน 2 เดือน หลังจากนั้นจะเป็นวงขัดแย้งที่ลดลง ราคาพลังงานก็จะลดลง ดังนั้น ภาครัฐก็ควรจะเข้ามาช่วยเหลือ ทั้งไม่ควรขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม ดูแลดีเซลไม่เกิน 30 บาท และควรดูแลกลุ่มเบนซินด้วยการลดภาษี 3 บาท/ลิตร รวมทั้งควรเข้ามาดูแลค่าไฟฟ้า เพราะหากราคาพลังงานขยับขึ้นไปก็จะทำให้ต้านทุนอื่นๆ ปรับตาม กระทบต่อค่าครองชีพประชาชน


วิกฤติรอบนี้ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบแตะ 130 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากสถิติน้ำมันดิบตลาดโลกเคยสูงสุดปี 2551 ที่ 147 เหรียญต่อบาร์เรล ช่วงนั้นราคาดีเซลสิงคโปร์พุ่งสูงถึง 183 เหรียญ วานนี้ (7 มี.ค.) ราคาดีเซลแตะ 158 เหรียญ/บาร์เรลแล้ว คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่มี รมว.พลังงาน จึงประชุมต่อเนื่อง วันนี้ (8 มี.ค.) กบน.ประชุมและมีมติอุดหนุนดีเซลเพิ่มเติม จากอุดหนุนแล้ว 6.50 บาท/ลิตร เป็น 9.61 บาทต่อลิตร เพื่อรักษาระดับราคาน้ำมันของปั๊มที่ภาครัฐถือหุ้นคือ บางจากฯ และพีทีทีสเตชั่น ตรึงราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาท ส่วนก๊าซหุงต้มนั้นอุดหนุนต่อเนื่องเป็น 18 บาทต่อ กก.จากราคาขาย 21.2 บาท/กก. หรือ 318 บาท/ถังขนาด 15 กก.

ในขณะที่ก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นปัจจัยหลักของการผลิตไฟฟ้าของไทยมีสัดส่วนร้อยละ 70 ก็พุ่งขึ้น ปีนี้ไทยต้องนำเข้าแอลเอ็นจีหรือก๊าซธรรมชาตเหลวเข้ามามีสัดส่วน ร้อยละ 30 ของการผลิตไฟฟ้า หรือ 4.5 ล้านตัน ซึ่งมาจากปัจจัยก๊าซฯในอ่าวลดลง และผลพวงความผิดพลาดช่วงรอยต่อการหมดอายุสัมปทานปิโตรเลียมแหล่งเอราวัณ ทำให้ปริมาณก๊าซผลิตได้ผิดแผน จากเดิมคาดว่าจะผลิตได้ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน แต่ผลิตได้ราว 500 ล้านลูกบาศก์/วัน ก๊าซฯหายไปราว 300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ทำให้ไทยต้องนำเข้าแอลเอ็นจีตลาดจร (SPOT) เพิ่มขึ้น จากเดิม 1.74 ล้านตันเป็น 4.5 ล้านตัน ซึ่งจากราคาตลาดพุ่งพรวดจากปกติแอลเอ็นจีอยู่ประมาณ 5-7 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู แล้วพุ่งเป็น 84 เหรียญต่อล้านบีทียู ก็ยิ่งทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าไทย สูงขึ้น

จึงเป็นที่มาที่ มาที่ ครม. 8 มี.ค.65 เห็นชอบให้ลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเป็นอัตราศูนย์สำหรับการนำเข้าดีเซลและน้ำมันเตาไปผลิตกระแสไฟฟ้า จากเดิมอัตราอยู่ที่ 3.44 บาทต่อลิตร และ 0.64 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ให้มีผลหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงวันที่ 15 กันยายน 2565 รวมระยะเวลาประมาณ 6 เดือน ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงเวลาที่สถานการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกจะปรับตัวลง ช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าลดลง นอกจากนี้ ครม. ยังเห็นชอบให้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กู้เสริมสภาพคล่องในปี 2565-2567 จำนวน 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ กฟผ.มาช่วยแบกรับค่าไฟฟ้า อัตโนมัติ (fT )เงินกู้ดังกล่าวกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน


นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ.กล่าวว่ากกพ.มอนิเตอร์ค่าไฟฟ้า โดยต้องยอมรับว่าต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์เดิมว่าจะขึ้น งวดละ 16 สตางค์ต่อหน่วย ในขณะนี้บริหารงานทุกด้านนำเชื้อเพลิงที่ถูกกว่าก๊าซฯมาผลิตไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเตา น้ำมันดีเซล การพึ่งพาพลังงานทดแทนในประเทศ เช่นชีวมวลทั้งการรับซื้อรายเดิม และรายใหม่ รวมทั้งรับซื้อจากโซลาร์รูฟท็อป โดยจะเสนออัตรารับซื้อต่อ กพช.วันพรุ่งนี้ แต่สิ่งสำคัญที่ต้องขอความร่วมมือประชาชน คือ ร่วมมือประหยัดไฟฟ้า เพราะหากประหยัดได้นั่นหมายถึงลดการนำเข้าแอลเอ็นจี และต้นทุนค่าไฟฟ้าก็จะต่ำลง

ทั้งนี้ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นล่าสุดเป็นผลจากหลังสหรัฐและยุโรปพิจารณาสั่ง ห้ามการนำาเข้านำมันจากรัสเซีย นักวิเคราะห์คาด หากรัสเซียส่งออกไม่ได้ โลกจะขาดแคลนถึง 5 ล้านบาร์เรลต่อวันราคาน้ำมันจะพุ่งสูงถึง200เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลได้ ขณะที่รัสเซียประเมินว่าจะพุ่งไปถึง 300 เหรียญต่อบาร์เรล รัสเซียเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่คิดเป็น 7% ของอุปทานทั่วโลก อย่างไรก็ดี หลายประเทศในยุโรปมีท่าทีไม่เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว โดยเฉพาะเยอรมนี และเพื่อเพิ่มซัพพลายด์น้ำมันดิบแก่โลกเราจึงเห็นแผนการนำน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์หรือ เอสพีอาร์ของหลายประเทศนำออกมามาใช้ และสหรัฐกำลังจะผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรทั้งอิหร่านและเวเนซุเอลา .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปลัด ศธ. แจง “รมว.นฤมล” ลงใต้ ไม่เน้นพิธีรีตอง

กทม. 21 ก.ค.-ปลัด ศธ. แจงภารกิจแรก “รมว.นฤมล” ลงใต้ ไม่เน้นพิธีรีตอง กำชับ “ครู-นักเรียน” วันหยุดใส่ไปรเวทได้ ไม่ต้องแต่งชุดเต็มยศมารอต้อนรับ ขอลงพื้นที่ไม่ให้ใครลำบาก จากกรณี ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 18-20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีการแต่งกายใส่กางเกงยีนส์ขาด รองเท้าผ้าใบ พบปะบุคลากรการศึกษา ครูและนักเรียน ที่มารอต้อนรับ เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียล การแต่งกายไม่เหมาะสมกับบทบาทของผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการ และไม่สอดคล้องกับมาตรฐานการแต่งกายของข้าราชการโดยทั่วไป นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงกระแสวิจารณ์การแต่งกายของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ การลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสุราษฎร์ธานีระหว่างวันที่ 18 – 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่า ถือเป็นการลงพื้นที่ครั้งแรกตั้งแต่ ศ.ดร.นฤมล มารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้ยังไม่ได้มีการพูดคุยและทำความเข้าใจในเรื่องการแต่งกายของคณะครูและนักเรียนที่มาร่วมกิจกรรมในวันหยุดราชการ ซึ่งส่วนใหญ่จะมาด้วยชุดสุภาพ เพราะเห็นว่ามีผู้บริหารระดับสูง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชามาร่วมลงพื้นที่ด้วย ศ.ดร.นฤมล ได้กำชับมาว่าการลงพื้นที่ในช่วงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ ถือว่าไม่ได้เป็นวันทำงานปกติ […]

สึกแล้ว! “พระธรรมวชิรธีรคุณ” อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์

20 ก.ค.- สึกกลางดึก! “พระธรรมวชิรธีรคุณ” อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ลาสิกขาแล้วที่วัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง นายบุญเชิด กิตติธรางกูร รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เผยได้รับรายงานจาก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครสวรรค์ ว่า “พระธรรมวชิรธีรคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ลาสิกขาแล้ว ณ พระอุโบสถ วัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง เวลา 23.49 น.” ขณะที่ก่อนหน้านี้ เลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ได้แจ้งว่า “พระธรรมวชิรธีรคุณ” ขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสวรรค์และเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป เนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพ -สำนักข่าวไทย

Astronomer CEO caught by kiss cam in Coldplay concert

CEO ลาออกหลังถูกแฉกลางคอนเสิร์ต Coldplay

ซินซินแนติ 20 ก.ค. – บริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐแจ้งเรื่องซีอีโอลาออกแล้ว หลังจากช่วงเวลาขณะกอดกับผู้บริหารของบริษัทที่ไม่ใช่ภรรยาถูกจับภาพไปปรากฏบนจอภาพกลางคอนเสิร์ตวงโคลด์เพลย์ (Coldplay) และกลายเป็นคลิปไวรัลทั่วโลก แอสโตรโนเมอร์ (Astronomer) ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีผู้ให้บริการข้อมูลองค์กรเผยแพร่แถลงการณ์ผ่านเอ็กซ์ ( X) ว่า บริษัทยึดมั่นในคุณค่าและวัฒนธรรมที่นำทางองค์กรมาตั้งแต่ก่อตั้ง ผู้นำบริษัทถูกคาดหวังว่าจะต้องสร้างมาตรฐานด้านจริยธรรมและความรับผิดชอบ แต่เมื่อไม่นานมานี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น นายแอนดี บายรอน ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอของบริษัท และคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้ลาออกแล้ว แถลงการณ์ให้คำมั่นว่า บริษัทจะเดินหน้าทำในสิ่งที่ทำได้ดีที่สุด คือ การให้บริการแก้ปัญหาข้อมูลและเอไอ (AI) ให้แก่ลูกค้าต่อไป เรื่องราวอื้อฉาวนี้เกิดขึ้นในคอนเสิร์ตวง Coldplay ที่สนามยิลเลตต์สเตเดียม ในเมืองฟอกซ์โบโร รัฐแมสซาชูเสตต์เมื่อคืนวันที่ 16 กรกฎาคม เมื่อกล้องคิสแคม (kiss cam) ของคอนเสิร์ตจับภาพเจอชายหญิงคู่หนึ่งยืนกอดกันในโซนวีไอพี ซึ่งชายหญิงคู่นี้ไม่ใช่คู่รักธรรมดา แต่เป็นนายบายรอน ซีอีโอของแอสโตรโนเมอร์ และคริสติน คาบอต หัวหน้าฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคลหรือเอชอาร์ (HR) ของบริษัท เมื่อรู้ตัวว่าภาพถูกฉายขึ้นจอ ฝ่ายหญิงรีบเอามือปิดหน้าและหันหลังให้กล้อง ส่วนฝ่ายชายรีบนั่งลงให้พ้นจากมุมกล้อง ในจังหวะเดียวกันนั้น คริส มาร์ติน นักร้องนำของวง Coldplay ได้พูดแซวว่า […]

Hong Kong braves heavy rain and strong winds as typhoon Wipha approaches

ฮ่องกงเตือนภัย “ไต้ฝุ่นวิภา” ระดับสูงสุด

ฮ่องกง 20 ก.ค.- ฮ่องกงประกาศเตือนภัยระดับสูงสุดในวันนี้ เนื่องจากไต้ฝุ่นวิภา (Wipha) ที่มีความเร็วลมมากกว่า 167 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำให้เกิดฝนตกหนักและลมกระโชกแรงทั่วฮ่องกง และทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินมากกว่า 200 เที่ยว สถานีอุตนิยมวิทยาของฮ่องกงยกระดับเตือนภัยพายุ จากหมายเลข 9 ที่ประกาศเมื่อเวลา 07.20 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง เป็นหมายเลข 10 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเมื่อเวลา 09.20 น. และคาดว่าจะคงระดับเตือนภัยสูงสุดไปอีกระยะหนึ่ง สถานีอุตุนิยมวิทยาฮ่องกงพยากรณ์ว่า ไต้ฝุ่นซึ่งมีกำลังลมแรงเท่ากับเฮอริเคนจะเคลื่อนตัวเฉียดสถานีฯ โดยห่างลงไปทางใต้ราว 50 กิโลเมตร และส่งผลกระทบกับพื้นที่ทางใต้ของฮ่องกง สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิคของฮ่องกงได้ยกเลิกเที่ยวบินขาเข้าและขาออกทั้งหมดตั้งแต่เวลา 05.00-18.00 น.วันนี้ ขณะที่บริการขนส่งมวลชนส่วนใหญ่ในฮ่องกง รวมถึงบริการเรือโดยสารข้ามฟากถูกระงับเพื่อความปลอดภัย.-814.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ป่วนปัตตานี! ลอบบึ้มชุด รปภ.งานกีฬา อบต.น้ำดำ เจ็บ 4 นาย

21 ก.ค.- ป่วนงานกีฬา อบต.น้ำดำ ปัตตานี คนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่อาสาฯ ขณะรักษาความปลอดภัย บาดเจ็บ 4 นาย วันที่ 21 ก.ค.68 เมื่อเวลา 16.50 น. เกิดเหตุระเบิดบริเวณสามแยกคอกควาย บ้านบือแนยามู หมู่ที่ 4 ตำบลน้ำดำ อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี เบื้องต้นแรงระเบิด ทำให้ อส.ชคต.น้ำดำ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จำนวน 4 นาย อาการหูอื้อ ถูกนำส่งโรงพยาบาลทุงยางแดง จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว กำลังรักษาความปลอดภัยสนามกีฬา งานกีฬา อบต.น้ำดำ ระหว่างทางได้เกิดระเบิดขึ้นทำให้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ส่วนประเด็นและสาเหตุเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” เหน็บ “ฮุนเซน” เคลมไอเดียทักษิณคิดเพื่อไทยทำ

21 ก.ค.- “แพทองธาร” เหน็บ “ฮุนเซน” เคลมไอเดีย “ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ” ถามเป็นของเขาได้อย่างไร เหมือนตอนปล่อยคลิปเสียงแล้วมาบอกไม่ได้ปล่อย ด้าน “สรวงศ์” ขอสื่อไทยเลิกเป็นกระบอกเสียงกัมพูชา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยภายหลังร่วมงานแถลงข่าวทิศทางการส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยว ปี 2569 ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยนางสาวแพทองธาร ตอบสั้นๆ กรณีที่มีรายงานข่าวว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะไปร่วมงานเลี้ยงดินเนอร์พรรคร่วมในวันพรุ่งนี้ว่า “ไม่ทราบเลยค่ะ ” ส่วนวันพรุ่งนี้ (22 ก.ค.)ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะมีอะไรพูดเป็นพิเศษกับผู้เข้าร่วมงานหรือไม่ นางสาวแพทองธารกล่าวว่า “ให้รอฟัง” เมื่อถามถึงกรณีที่สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ออกมาระบุว่ามีส่วนร่วมในการคิดนโยบาย “ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ” นางสาวแพทองธาร นิ่งคิดก่อนที่จะหันไปถามนายสรวงศ์ ว่า “เป็นของเขาได้อย่างไร” ผู้สื่อข่าวจึงบอกว่าเขาเคลมว่าเป็นแบบนั้น นางสาวแพทองธาร ยิ้ม นิ่งคิดก่อนที่นายสรวงศ์จะบอกว่า “สื่อไทยต้องเลิกเป็นกระบอกเสียงให้กัมพูชา” นางสาวแพทองธารจึงพูดต่อว่า “ก็เหมือนที่เขาบอกว่าปล่อยคลิป แล้วก็บอกว่าไม่ได้ปล่อย ใช่ไหม เหมือนกันนั่นแหละ” -สำนักข่าวไทย

มติ มส. เคาะแก้ไขเพิ่มเติมกฎมหาเถรสมาคม 2 เรื่อง

21 ก.ค.- ที่ประชุมมหาเถรสมาคม มีมติแก้ไขเพิ่มเติมกฎมหาเถรสมาคม 2 เรื่อง กรณีการลงนิคหกรรม หรือการลงโทษภิกษุที่ผิดพระธรรมวินัย พร้อมกำหนดกรอบเวลาวินิจฉัยรู้ผลภายใน 10 วัน หากมีหลักฐานชัด และขั้นตอนการสละสมณเพศของพระที่กระทำผิด ย้ำการปรับครั้งนี้ เพื่อความรวดเร็วในการจัดการ เพิ่มบทบาทสำนักพุทธฯ แสวงหาข้อมูลและร่วมมือกับหน่วยงานอื่น รศ.ดร.ชัชพล ไชยพร ผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการพระพุทธศาสนา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม พร้อมด้วย ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษามหาเถรสมาคม ร่วมแถลงข่าวเปิดเผย ภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมวันนี้ โดย รศ.ดร.ชัชพล ระบุว่าที่ประชุมมหาเถรสมาคม มีมติแก้ไขเพิ่มเติม กฎมหาเถรสมาคม 2 เรื่อง เพื่อใช้ในการเร่งรัดการปฏิบัติต่อพระสงฆ์ที่ประพฤติผิดต่อพระธรรมวินัย หนึ่ง เกี่ยวกับการลงนิคหกรรม หรือการลงโทษภิกษุตามพระธรรมวินัย กฎนี้เดิมตราขึ้นปีตั้งแต่ปี 2521 โดยจะมีการเพิ่มเติมที่ให้อำนาจข้าราชการมีส่วนนำเสนอประเด็นได้โดยไม่ต้องรอคณะสงฆ์อย่างเดียว โดยอำนาจวินิจฉัยยังเป็นคณะสงฆ์ ส่วนเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่นๆ จะมีส่วนในการสนับสนุนข้อมูล พยานหลักฐาน ช่วยเร่งรัดกระชับกระบวนการให้จัดการได้ไวขึ้น โดยร่างกฎมหาเถรมาคมเรื่องลงนิคหกรรม ที่จะบังคับใช้เพิ่มเติมใหม่ จะมีการเพิ่มเติมหมวด โดยเฉพาะวิธีการปฏิบัติเมื่อปรากฏหลักฐานพระสงฆ์กระทำผิดชัดแจ้ง เช่น แบ่งเป็นในการพิจารณาพระภิกษุที่ถูกกล่าวหาว่าละเมิดพระธรรมวินัย เนื่องจากเสพเมถุน หรือต้องอาบัติปาราชิกอื่นๆ […]

“บิ๊กเต่า” เผยพบเส้นเงินพระลูกวัดนครสวรรค์-ฆราวาส โยงสีกาเป็นเหตุให้สึก

บก.ปปป. 21 ก.ค. – รอง ผบช.ก. เผยพบเส้นเงินพระลูกวัดนครสวรรค์-ฆราวาส โยงสีกา 2 ราย เป็นเหตุให้สึก ส่วนการทุจริตก่อสร้างพุทธอุทยาน และ มจร. อยู่ระหว่างตรวจสอบให้ชัด พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีการตรวจสอบข้อมูลการร้องเรียน “ทิดสฤษดิ์” หรือ อดีตพระธรรมวชิรธีรคุณ เจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมว่า หลังเกิดกรณีของ “กอล์ฟ” ได้ตรวจสอบเอาผิดพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมถึงชั้นเทพ ส่วนกรณีวัดที่จังหวัดนครสวรรค์ มีสมณศักดิ์สูงกว่าคือชั้นธรรม ซึ่งเรื่องอาญาในการทุจริต โดยมีข้อมูลเชื่อมโยงกันเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี วันนี้จึงนำกำลังเข้าไปตรวจสอบที่จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดพิจิตร เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน แม้พระจะสึกไปแล้วยังต้องได้รับการตรวจสอบจากตำรวจด้วยว่าจะเข้าข้อหาอาญาทุจริตหรือไม่ จากการตรวจสอบมีเส้นเงินที่ตรวจสอบพบเกี่ยวกับกอล์ฟ หลายเส้นเงิน ทาง ผบช.ก. จึงสั่งให้ตรวจสอบทุกวัด ทุกรูป แม้จะตรวจสอบไม่พบจากคลิปวิดีโอหรือแชตไลน์ ก็ให้ทำการตรวจสอบคู่ขนานกันไปด้วย ส่วนกรณีการตรวจสอบก่อสร้างของพุทธอุทยาน และโครงการในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครสวรรค์ หรือ มจร.นครสวรรค์ ที่สร้างมานานแล้วยังไม่แล้วเสร็จนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า […]