นนทบุรี 3 มี.ค.-กรมทรัพย์สินทางปัญญา สร้างความเข้มแข็งผู้ประกอบการจันทบุรี ดันโครงการพัฒนาต่อยอดสินค้าท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรมด้วยทรัพย์สินทางปัญญา ปีที่ 2 หวังเดินหน้าผลักดันสินค้าท้องถิ่นเข้าสู่ระบบการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อให้สอดคล้องนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาล
นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สินค้าและบริการในท้องถิ่นต่างๆ ของไทยมีจุดเด่นและมีศักยภาพในการแข่งขันทางการค้า ด้วยต้นทุนทางวัฒนธรรม ความเชี่ยวชาญ และภูมิปัญญาท้องถิ่น หากได้รับการเสริมแกร่งในมิติด้านทรัพย์สินทางปัญญาจะยิ่งเพิ่มแต้มต่อให้ผู้ประกอบการมีความเข้มแข็งและดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ครั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา จึงลงพื้นที่ชุมชนริมน้ำจันทบูร ชุมชนท่าแฉลบ ชุมชนขนมแปลกริมคลองหนองบัว และชุมชนบ้านเสม็ดงาม จังหวัดจันทบุรี สร้างความรู้ความเข้าใจถึงความสำคัญของทรัพย์สินทางปัญญาที่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยมีกรมทรัพย์สินทางปัญญาคอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดทุกมิติ ทั้งด้านการจดทะเบียนขอรับความคุ้มครองและต่อยอดการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญาในเชิงพาณิชย์
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีผู้ประกอบการจังหวัดจันทบุรีกว่า 30 ราย ให้ความสนใจเข้าสู่ระบบการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาผ่านโครงการนี้ อาทิ ขนมโก๋ญวน ขนมม้าฮ่อ ผลิตภัณฑ์จากมะปี๊ด ผ้ามัดย้อม เครื่องประดับอัญมณี เสื่อกกแปรรูป น้ำมันนวด โฮมสเตย์ เป็นต้น โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาจะคัดเลือกสินค้าที่มีความพร้อมเข้าอบรมติดอาวุธทางการค้าแบบครบวงจร ทั้งการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา การออกแบบตราสินค้า การสร้างแบรนด์ การปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ การเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยว การทำการตลาดโดยใช้เพจหรือบุคคลที่มีชื่อเสียงในสื่อสังคมออนไลน์ช่วยแนะนำสินค้า เพื่อยกระดับสินค้าชุมชนให้ตอบโจทย์ความต้องการและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าอย่างทั่วถึง ทั้งนี้ กระทรวงฯ ตั้งเป้ายกระดับสินค้าชุมชนด้วยทรัพย์สินทางปัญญาให้ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศต่อไป
นางสาวญานี สมใจเพ็ง ผู้ประกอบการภาชนะฟางอัด จากวิสาหกิจชุมชนกลุ่มอารักษ์ ซึ่งเข้าร่วมโครงการดังกล่าวเมื่อปี 2564 กล่าวว่า กลุ่มอารักษ์รู้สึกประทับใจที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาเข้ามาช่วยดูแลให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ทั้งการจัดทำคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า การต่อยอดผลิตภัณฑ์ ช่วยออกแบบตราสินค้าและบรรจุภัณฑ์ใหม่ รวมทั้งแนะนำเทคนิคการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ ซึ่งทำให้ชาวบ้านมีความมั่นใจในการทำธุรกิจ โดยยึดสื่อออนไลน์เป็นช่องทางหลัก มียอดขายเดือนละกว่า 1,000 ชิ้น เพิ่มขึ้นจากเดิม 20% สร้างรายได้สู่ชุมชนมากกว่า 100,000 บาท/เดือน และเชื่อว่ารายได้จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นได้อีกแน่นอน.-สำนักข่าวไทย