นนทบุรี 25 ก.พ.-อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยยอดจดทะเบียนตั้งใหม่ทั่วประเทศเดือน ม.ค. 65 เติบโตดีและแรง เหตุแม้คนติดเชื้อโอไมครอนมาก แต่ไม่แรงทำให้หลายธุรกิจทั้งก่อสร้าง ธุรกิจขายส่งสินค้าเติบโตอย่างมาก มั่นใจตลอดปี 65 ยอดจดทะเบียนน่าจะมากถึง 75,000 ราย
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากล่าวว่ายอดจดทะเบียนนิติบุคคลทั่วประเทศตั้งใหม่เดือนมกราคม 2565 ซึ่งมีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ ทั้งสิ้น 7,972 ราย มีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 29,081.96 ล้านบาท โดยสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 914 ราย คิดเป็น 11% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 318 ราย คิดเป็น 4% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้า จำนวน 244 ราย คิดเป็น 3% ตามลำดับ
ขณะที่ตัวเลขธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนมกราคม 2565 มีจำนวน 999 ราย โดยมีมูลค่า ทุนจดทะเบียนจำนวน 2,447.17 ล้านบาท ถือว่าสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 89 ราย คิดเป็น 9% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 47 ราย คิดเป็น 5% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 27 ราย คิดเป็น 3% ตามลำดับ ทำให้ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ เดือนมกราคม 2565 ทั่วประเทศ จำนวน 816,033 ราย มูลค่าทุน 19.56 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 198,149 ราย คิดเป็น 24.28% บริษัทจำกัด จำนวน 616,566 ราย คิดเป็น 75.56% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,318 ราย คิดเป็น 0.16% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม กรมฯได้วิเคราะห์การจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนมกราคม 2565การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจเดือนมกราคม 2565 มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่จำนวน 7,972 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา (ธันวาคม 2564) คิดเป็น 1 เท่า และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาคิดเป็น 9% (มกราคม 2564) ในขณะที่การจดทะเบียนเลิกธุรกิจในเดือนมกราคม 2565 มีจำนวน 999 ราย ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา (ธันวาคม 2564) คิดเป็น 83% และลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาคิดเป็น 10% (มกราคม 2564) โดยในเดือนมกราคมที่มีจำนวนการจัดตั้งมากที่สุด และจดเลิกน้อยที่สุดในรอบ 10 ปี (มกราคม 2556 – 2565)
ทั้งนี้ การจดทะเบียนจัดตั้งเดือนมกราคม 2565 ที่สูงสุดในรอบ 10 ปี ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยของการเพิ่มขึ้นในประเภทธุรกิจที่เป็นธุรกิจหลักของประเทศไทย นั่นคือ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป โดยมีสัดส่วนประมาณ 11.5% ของจำนวนธุรกิจจัดตั้งทั้งหมดในเดือนมกราคม และเมื่อพิจารณาถึงผลกระทบในแต่ละธุรกิจต่อภาพรวมการจดทะเบียนโดยรวม พบว่า ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ส่งผลกระทบต่อการเพิ่มขึ้นของการจดทะเบียนถึง 5% โดยรองลงมา เป็นธุรกิจที่ได้รับผลเชิงบวกจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 คือ ธุรกิจเกี่ยวกับการปลูกพืชสมุนไพร ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของการจดทะเบียนประมาณ 2% และตามด้วยธุรกิจขายส่งสินค้าทั่วไป ที่ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้น 1.5%
โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 คาดว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 สายพันธุ์โอไมครอน ยังคงสร้างความกังวลให้ผู้ประกอบการในประเทศ แต่อัตราเข้ารักษาในโรงพยาบาล และอัตราการเสียชีวิตไม่สูงเทียบเท่าสายพันธุ์ก่อนหน้า จะทำให้ผู้ประกอบการผ่อนคลายความกังวลลงได้ อีกทั้งการระดมฉีดวัคซีนในปีที่ผ่านมา และโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของภาครัฐ เช่น โครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจ และหลายธุรกิจสามารถปรับตัวตามสถานการณ์ทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี ดังนั้น กรมพัฒนาธุรกิจการค้าคาดการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 อยู่ประมาณที่ 40,000 – 42,000 ราย และตลอดทั้งปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 70,000 – 75,000 รายเป็นต้น.-สำนักข่าวไทย