กรุงเทพฯ 25 ก.พ. – ผู้ว่ากยท. ระบุ สถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครนจะส่งผลบวกต่อราคายางพาราเป็นระยะเวลาสั้นๆ เนื่องจากความต้องการใช้จะมากขึ้นทดแทนยางสังเคราะห์ที่มาจากอุตสาหกรรมน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า สถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครนส่งผลให้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันระดับ 98 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลจึงส่งผลต่อราคายางสังเคราะห์ให้ปรับตัวในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมัน
ตั้งแต่เข้าสู่ปี 2565 ราคายางที่ตลาดยางเซี่ยงไฮ้เหนือ 14,000 หยวน/ตันโดยตลอด ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มกลับมาระบาดอีกครั้งส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนตัว แนวโน้มราคายางพาราจึงมีทิศทางการปรับตัวเพิ่มขึ้น ดังนั้นการปรับสูงขึ้นของราคายางพาราเป็นการปรับจากปัจจัยภายนอกเป็นสำคัญ
นายณกรณ์กล่าวต่อว่า ปัจจัยในประเทศมีผลให้ราคายาราขณะนี้ปรับตัวขึ้นด้วยได้แก่ ปริมาณฝนมากทำให้ยางออกสู่ตลาดน้อย ขณะเดียวกันบริษัทเอกชนสต็อกยางเพื่อเตรียมส่งมอบตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
ทั้งนี้ขอให้ผู้ประกอบการพร้อมรับกับต้นทุนราคายางพาราซึ่งสูงขึ้นด้วย รวมถึงปัจจัยการอ่อนตัวของค่าเงินบาทที่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ แต่หากสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครน ตลอดจนสถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศคลี่คลายลง ราคายางอาจปรับลดลงจึงขอให้เกษตรกรชาวสวนยางเองเตรียมรับมือด้วยเช่นกัน แต่ขอให้เชื่อมั่นในการกำกับนโยบายของ กยท. ที่จะรักษาระดับราคายางให้มีเสถียรภาพเพื่อบรรเทาปัญหาให้ทุกภาคส่วนอย่างดีที่สุด
สำหรับราคายางพาราปิดตลาดเมื่อวานนี้ (24 ก.พ.) เทียบกับวันก่อนหน้า (23 ก.พ.) มีดังนี้
- น้ำยางสด 69.50 บาท ปรับเพิ่ม 0.50 บาท
- ยางก้อนถ้วย 51.50 บาท ปรับลด 0.50 บาท
- ยางแผ่นดิบ 64.63 บาท ปรับเพิ่ม 1.46 บาท
- ยางแผ่นรมควัน 67.70 บาท ปรับเพิ่ม 0.80 บาท.-สำนักข่าวไทย