ต่อยอด “โครงการนำลูกหลานเกษตรกรกลับบ้านฯ ” ปี 65

กรุงเทพฯ 23 ก.พ. – กรมส่งเสริมสหกรณ์เดินหน้าโครงการนำลูกหลานเกษตรกรกลับบ้านสานต่ออาชีพการเกษตร เสริมความรู้ด้านตลาดต่อยอด โครงการลูกหลานเกษตรกรกลับบ้าน ปี 65 ตั้งเป้าให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการมีรายได้คนละไม่น้อยกว่า 12,000 บาทต่อเดือน เพิ่มจากปี 64 ร้อยละ 3


นายอัชฌา สุวรรณนิตย์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์เปิดเผยว่า กรมได้เดินหน้าโครงการนำลูกหลานเกษตรกรกลับบ้าน ปี 2565 ซึ่งเป็นปีที่ 3 ของโครงการ (2563-2565) โดยจะเน้นการพัฒนาทักษะในการประกอบอาชีพเพื่อสร้างรายได้ พร้อมวางเป้าหมายว่า เกษตรกรจะมีรายได้คนละไม่น้อยกว่า 12,000 บาทต่อเดือน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากปี 64

ทั้งนี้คาดว่า จะมีเกษตรกรเข้าโครงการประมาณ 884 คน โดยคัดเลือกเกษตรกรในโครงการจากทุกจังหวัด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่และภาคีเครือข่ายร่วมแล้ว 1,122 คน งบประมาณดำเนินการ 2.5 ล้านบาท สำหรับกลุ่มเป้าหมายเดิมกว่า 500 ราย กรมจะมุ่งสนับสนุนองค์ความรู้ รวมไปถึงปัจจัยต่างๆ ซึ่งจะพัฒนาต่อยอดแต่ละ Cluster โดยใช้ หัวขบวนของแต่ละ Cluster เป็นหลักในการขับเคลื่อนด้านการตลาด เพื่อให้สามารถขยายเครือข่ายพันธมิตรทางการค้า ขยายตลาดในวงกว้างต่อไป ตลอดจนกำหนดให้มีการติดตามผลการดำเนินการและรายงานทุก 2 เดือนเพื่อให้โครงการมีผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายของโครงการ


สำหรับการจัดอบรมนั้นมาจากผลสำรวจของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ที่พบว่าเกษตรกรที่เข้าโครงการร้อยละ 77 ต้องการให้มีการจัดอบรมเพื่อพัฒนาทักษะด้านการวางแผนการผลิตและการเพิ่มช่องทางการตลาด ในปีสุดท้ายของโครงการนี้ การต่อยอดครั้งนี้จะเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน เนื่องจากเมื่อเริ่มต้นโครงการในปีแรก เป็นปีการสร้างโอกาสในการกลับบ้านสร้างฐานด้านการเกษตรและกรมเป็นพี่เลี้ยงในการพัฒนา การให้ความรู้และวางแผนการผลิต มาต่อเนื่องร่วมกับภาคีเครือข่าย ในปี 65 คือการติดอาวุธทางปัญญาด้านการตลาด การจัดหาสินค้า การรวบรวมผลผลิต การออม การบริหารจัดการผลผลิตการเกษตร จึงเชื่อมั่นว่าเกษตรกรที่เข้าโครงการนี้จากนี้ไปจะสามารถยืนได้และมีความมั่นคงในชีวิตเพิ่มมากขึ้น โดยมีสหกรณ์เป็นศูนย์กลางในการสร้างอาชีพทางการเกษตรที่มั่นคง ในการสร้างงาน สร้างอาชีพเพิ่มรายได้ให้ชุมชนและที่สำคัญคือการทำให้สหกรณ์เป็นที่พึ่งของสมาชิกอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ สศก. และกรมส่งเสริมสหกรณ์ประเมินโครงการลูกหลานเกษตรกรกลับบ้านที่ดำเนินการโดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ (ปี2563-64) จากการสำรวจเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 500 คน พบว่า

  1. เกษตรกรสามารถลดค่าใช้จ่ายจากการลดการใช้สารเคมีหลังเข้าร่วมโครงการรวม 2,406,408 บาทต่อปี
  2. เกษตรกรร้อยละ 77.02 มีความพึงพอใจต่อโครงการในด้านการประสานงานหลักสูตรอบรม รูปแบบการดำเนินการและวิทยากร
  3. เกษตรกรร้อยละ 88.90 มีคุณภาพชีวิตในด้านต่างๆ ที่ดีขึ้นหลังร่วมโครงการ โดยมีความเห็นว่า คุณภาพชีวิตดีขึ้นเนื่องจากสุขภาพดี ลดความเครียด ลดความเสี่ยงเรื่องสารเคมีและมลพิษทางอากาศ เกิดความภูมิใจในอาชีพเกษตรกรรม และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว ชุมชน มีการออมและได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
  4. เกษตรกรร้อยละ 99.40 ดำเนินการได้ตามแผนการผลิต มีรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตร เฉลี่ยรายละ 8,954 บาทต่อเดือน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย

ผบช.สตม. ลั่น ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย เพิกถอนใบอนุญาต ผลักดันออกนอกประเทศทันที

ตรวจสอบ The Park เขาหลัก งบก่อสร้าง 140 ล้าน คุ้มค่าหรือไม่?

สำนักข่าวไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านให้ช่วยเข้าไปตรวจสอบการก่อสร้างโครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวและนันทนาการชายฝั่งแห่งเมืองพังงา หรือ The Park เขาหลัก ริมหาดบางเนียง หลังมีข้อมูลว่าเป็นโครงการที่ก่อสร้างด้วยงบกว่าร้อยล้านบาท แต่ปัจจุบันกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์ และถูกปล่อยให้อยู่ในสภาพรกร้าง

ลูกสาวสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ดับคากระท่อม

ลูกสาวเปิดปากสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ปี เสียชีวิตในกระท่อม ข้างลานรับซื้อข้าวเปลือก ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

ข่าวแนะนำ

เปิดวินาทีระเบิดรถกระเช้าเทศบาลรือเสาะ

เปิดนาทีระเบิดรถกระเช้าที่จอดอยู่ในที่จอดรถของเทศบาลตำบลรือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ช่วงเที่ยงวานนี้ (6 ก.พ.) จนพังเสียหาย

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด