กรุงเทพฯ 18 ก.พ.-บอร์ดไทยออยล์ไฟเขียวแผนการปรับโครงสร้างทางการเงินระยะยาว ผ่านการเพิ่มทุน และขายหุ้น GPSC ให้ ปตท. ร้อยละ 1010.78 ราคารวม 22,351 ล้านบาท เสริมแกร่งทางการเงิน ต่อยอดธุรกิจขยายเข้าสู่ธุรกิจปิโตรเคมีที่อินโดนีเซีย
นางวนิดา บุญภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการเงินและบัญชี บมจ.ไทยออยล์ (TOP) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ (17ก.พ.) มีมติเห็นชอบการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ 2,751,200,000 บาท จากทุนจดทะเบียนปัจจุบันจำนวน 20,400,278,730 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 23,151,478,730 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 275,120,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (Par) หุ้นละ 10 บาท
การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว จะแบ่งเป็น
ส่วนที่ 1 การเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป (Public Offering) จำนวนไม่เกิน 239,235,000 หุ้น ซึ่งรวมการเสนอขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 โดยจัดสรรตามสัดส่วนการถือหุ้น ทั้งนี้ บริษัทฯ สงวนสิทธิไม่จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นที่จะทำให้หรืออาจเป็นผลให้บริษัทฯ มีภาระหรือหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ
ส่วนที่ 2 บริษัทฯ อาจมีการพิจารณาจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Over-Allotment) จำนวนไม่เกิน 35,885,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 15 ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่เสนอขายในคราวนี้ ซึ่งจะดำเนินการไปพร้อมกันกับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายต่อประชาชนเป็นการทั่วไป (Public Offering) ทั้งนี้ วันที่คาดว่าจะแจ้งราคาจองซื้อสุดท้ายวันที่ 30 มิ.ย. 65
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ยังเห็นชอบการจำหน่ายหุ้นสามัญของ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ให้แก่บมจ.ปตท. (PTT) และ/หรือ บริษัท สยาม แมนเนจเม้นท์ โฮลดิ้ง จำกัด (SMH) ซึ่งมีปตท. ถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วนร้อยละ 100 จำนวนทั้งสิ้น 304,098,630 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 10.78 ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ GPSC เป็นราคารวมทั้งสิ้นประมาณ 22,351 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาก่อนหักเงินปันผลของ GPSC หลังวันที่ 31 ธันวาคม 2564 และก่อนวันโอนหุ้น (หากมี) และให้นำทั้ง 2 รายการเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ในเดือนเมษายนนี้ เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
การเพิ่มทุนและการจำหน่ายหุ้น GPSC ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อนำเงินที่บริษัทฯ ได้รับไปชำระคืนเงินกู้ยืมให้แก่ ปตท. และธนาคารพาณิชย์ จากเงินกู้ยืมระยะสั้น (Bridging Loan) ที่มีการกู้ยืมเพื่อรองรับการเข้าลงทุนของบริษัทฯ ใน PT Chandra Asri Petrochemical Tbk (CAP) เมื่อไตรมาส 3/64 ทั้งนี้ การเพิ่มทุนและการจำหน่ายหุ้น GPSC ในครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการจัดหาเงินทุนสำหรับการปรับโครงสร้างทางการเงินระยะยาวของบริษัทฯ
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ TOP กล่าวว่า บริษัทมีความมั่นใจในศักยภาพการเติบโตสู่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ โดยได้เข้าร่วมลงทุนใน CAP ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตปิโตรเคมีชั้นนำในประเทศอินโดนีเซีย ทำให้ไทยออยล์สามารถก้าวเข้าสู่ธุรกิจโอเลฟินส์ได้อย่างรวดเร็วและทำให้โครงสร้างธุรกิจมีความสมบูรณ์ ครอบคลุมธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมี สร้างโอกาสการเติบโตในประเทศอินโดนีเซีย ที่มีความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีสูงมาก
นอกจากนี้ การลงทุนนี้ยังเป็นการขยายความร่วมมือทางการค้าระหว่าง TOP กับ CAP โดยไทยออยล์ได้เข้าทำสัญญาเพื่อส่งผลิตภัณฑ์จากโรงกลั่นเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบให้กับ CAP นอกจากนี้ ยังได้เข้าทำสัญญาเพื่อจำหน่ายพอลิเมอร์เรซิน (Polymer Resins) และผลิตภัณฑ์ในรูปของเหลวอื่นๆ ของ CAP อีกด้วย
การประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2565 จะมีขึ้นในวันที่ 7 เมษายน 2565 ในขณะที่ผลประกอบการปี 2564 ไทยออยล์มีกำไรสุทธิ 12,578.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบปี63ที่ขาดทุนสุทธิ 3,301.40 ล้านบาท มีรายได้ 335,827ล้านบาท เพิ่มขึ้น92,987ล้านบาท มีกำไรจากสตอกน้ำมัน 15,063ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่ขาดทุนสต๊อกน้ำมัน 7,399ล้านบาท และ กำหนดจ่ายเงินปันผลประจำปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 2.60 บาท ซึ่งเมื่อหักเงินปันผลระหว่างกาลปี 2564 หุ้นละ 0.60 บาท คงเหลือเป็นเงินปันผลที่จะจ่าย อีกในอัตราหุ้นละ 2.00บาท กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 25 เมษายน
ด้าน บมจ.ปตท.แจ้งว่า ปตท..ปรับโครงสร้างการถือหุ้นในธุรกิจไฟฟ้าของ ปตท. โดย ปตท. และ/หรือ บริษัท สยาม แมนเนจเมนท์โฮลดิ้งจัก (“SMH”) (บริษัทย่อยที่ปตท.ถือหุ้นทั้งหมด) จะเข้าซื้อ หุ้น GPSCจาก TOP คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ10.78 ราคารวม 22,351 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาภายในเดือน เมษายน 2565 โดยปัจจุบัน ปตท. และ SMH ถือหุ้น GPSC ในสัดส่วนร้อยละ 44.45 และ TOPถือหุ้น GPSC ในสัดส่วนร้อยละ20.78ภายหลังธุรกรรม ปตท. และ SMH จะถือหุ้น GPSC ในสัดส่วนร้อยละ 55.23และ TOPจะถือ หุ้น GPSC ในสัดส่วนร้อยละ 10.00 .-สำนักข่าวไทย