แบงก์ชาติเล็งปรับคาดการณ์เงินเฟ้อ หลังราคาน้ำมันพุ่งแรง

กรุงเทพฯ  11 ก.พ.- ธปท.เตรียมปรับคาดการณ์เงินเฟ้อปีนี้ เพิ่มขึ้นจากเดิม 1.7% หลังต้นปีพุ่งแรงจากราคาน้ำมันและเนื้อสัตว์ เงินเฟ้อจะสูงในครึ่งปีแรก แต่จะลดลงในครึ่งหลังของปี ยังเชื่อเงินเฟ้อทั้งปี อยู่ในกรอบ 1-3%  


นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.เตรียมปรับคาดการณ์เงินเฟ้อทั่วไปในปี 65 เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 1.7% หลังจากสถานการณ์ราคาราคาน้ำมันและราคาเนื้อสัตว์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น  โดยจะพิจารณาในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในรอบเดือน มี.ค. รวมทั้งทบทวนประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจปี 65 ซึ่งได้ปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกที่ขยายตัวดี แต่ก็มีผลกระทบจากสถานการณ์โอไมครอน แต่ก็คาดว่าตัวเลขเศรษฐกิจไม่ได้แตกต่างจากเดิมอย่างมีนัยสำคัญมากนัก

ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 65 มีแนวโน้มสูงกว่ากรอบเป้าหมายในช่วงแรกของปีนี้ และมีแนวโน้มปรับลดลงในช่วงหลังของปี โดยอัตราเงินเฟ้อล่าสุด ณ เดือน ม.ค.ปรับเพิ่มมาที่ 3.23% จาก (1) ราคาพลังงานเป็นสำคัญโดยราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นถึงเกือบร้อยละ 30 เทียบกับปีที่แล้ว และ (2) อาหารสด เช่น เนื้อหมู โดยจะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาเป็นการปรับขึ้นราคาสินค้าเฉพาะบางหมวด ไม่ได้มีการเพิ่มขึ้นในหลาย ๆ สินค้าพร้อมกันเป็นวงกว้าง ทั้งนี้ มีสินค้าจำนวนมากเกือบ 200 รายการในตะกร้าเงินเฟ้อที่ราคาที่คงที่หรือลดลง  


นายสุรัช แทนบุญ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายการเงิน ธปท. กล่าวว่า ที่ผ่านมาเป็นการปรับขึ้นราคาสินค้าเฉพาะบางหมวด ไม่ได้มีการเพิ่มขึ้นในหลาย ๆ สินค้าพร้อมกันเป็นวงกว้าง และไม่เห็นการเพิ่มขึ้นของราคาแบบยกแผง ซึ่งมีสินค้าจำนวนมากเกือบ 200 รายการในตะกร้าเงินเฟ้อที่ราคาที่คงที่หรือลดลง เช่น ข้าว และค่าเล่าเรียน สำหรับเงินเฟ้อในระยะต่อไป แนวโน้มของราคาน้ำมันรวมถึงการคลี่คลายของปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ ตู้คอนแทนเนอร์ และเนื้อหมู จะช่วยให้อัตราเงินเฟ้อปรับลดลงได้ อีกทั้งกำลังซื้อที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัวส่งผลให้แรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์อยู่ในระดับต่ำ ปัจจุบันยังไม่เห็นสัญญาณการขึ้นราคาในหลายหมวดสินค้าพร้อม ๆ กัน โดยข้อมูลล่าสุดเดือน ม.ค.65 มีการเพิ่มขึ้นของสินค้ากลุ่มน้ำมันเชื้อเพลิงและเนื้อสัตว์เป็นหลัก ขณะที่สินค้าและบริการอีก 188 รายการจาก 430 รายการมีราคาทรงตัวหรือลดลง แต่ยังต้องติดตามต่อเนื่องว่าจะมีการเพิ่มขึ้นในสินค้าประเภทใดอีกบ้างในระยะต่อไป

นายสุรัช กล่าวว่า ธปท.คาดว่าราคาน้ำมันจะเริ่มลดลงได้ในช่วงไตรมาส 2/65 แต่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตลาดโลก ที่ต้องติดตาม โดยไทยก็ยังมีกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เข้าไปดูแลเสถียรภาพราคาน้ำมันอยู่ ขณะที่ราคาเนื้อหมูคาดว่าจะปรับลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี โดยใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 10 เดือนสถานการณ์ปริมาณหมูที่ลดลงจึงจะเริ่มคลี่คลาย

 “เงินเฟ้อคือการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าต่อเนื่อง เป็นวงกว้าง แต่ตอนนี้ของแพงบางสินค้า แล้วหยุดอยู่กับที่ จึงอยากให้เข้าใจว่า เงินเฟ้อ อาจจะต่างกับของแพง” นายสุรัช กล่าว


ส่วนกรณีเงินเฟ้อสหรัฐ เดือน ม.ค.65  ที่เพิ่มถึง 7.5% นายสุรัช กล่าวว่า อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐปรับขึ้นดอกเบี้ยถี่ขึ้นได้ แต่นโยบายการเงินของไทยก็ไม่ได้ตามการดำเนินนโยบายการเงินต่างประเทศ  โดยนโยบายการเงินไทยทำเพื่อบรรลุเป้าประสงค์ 3ด้าน คือการเติบโต การดูแลเสถียรภาพทางการเงิน และเงินเฟ้อ  อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะส่งผลในแง่ของความผันผวนในตลาดการเงิน อาจส่งผลกระทบต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายต่ออัตราแลกเปลี่ยน และกระทบต่อประเทศเกิดใหม่ทุกประเทศได้ ขณะที่ภาคธุรกิจไทยมีการระดมทุนจากธนาคารพาณิชย์เป็นหลัก และธนาคารพาณิชย์ไทยมีการระดมทุนจากเงินฝากในประเทศ ดังนั้นแม้จะมีความผันผวน แต่ความมีเสถียรภาพของไทยจึงไม่กระทบ

“หากเฟดขึ้นดอกเบี้ยก็อาจจะเกิดการเงินตึงตัวขึ้น โดยจะเห็นได้ว่าตลาดพันธบัตร 10 ปี ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นเยอะ แต่หากดูการกู้ยืมระยะสั้น โดยเฉพาะพันธบัตรระยะสั้น 2-3 ปีของไทย ก็พบว่าไม่ได้ปรับขึ้นตามสหรัฐ ผลกระทบที่มีต่อไทยค่อนข้างน้อย และจำกัด เพราะเราพึ่งพาธนาคารพาณิชย์เยอะ ผลกระทบจะไม่มากเท่าประเทศเกิดใหม่บางประเทศที่พึ่งพาเงินต่างประเทศเป็นหลัก”นายสุรัช กล่าว

 นางรุ่งพร เริงพิทยา ผู้อำนวยการ ฝ่ายนโยบายการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีและอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลางยังคาดอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 1-3% โดยผู้บริโภคสินค้าและบริการที่มีการขึ้นราคาในสัดส่วนที่สูงกว่า จะรับรู้ถึงผลกระทบของราคาที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคนกลุ่มอื่น เช่น หากราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มปรับสูงขึ้น กลุ่มครัวเรือนรายได้น้อยซึ่งมีสัดส่วนการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มถึง 45% จะได้รับผลกระทบมากกว่า เมื่อเทียบกับกลุ่มครัวเรือนรายได้สูงที่ 26%

ธปท. จะติดตามภาวะและแนวโน้มเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด นโยบายการเงินยังให้น้ำหนักกับการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นสำคัญ หากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้เร็ว จะทำให้เกิดการจ้างงาน ส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเปราะบางจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นขณะที่รายได้ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่  นอกจากนี้ ธปท. ได้ออกมาตรการการเงินรูปแบบต่าง ๆ เพื่อลดภาระหนี้ แก้หนี้เดิม เติมเงินใหม่ให้กับประชาชน เพื่อให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่อเนื่องในระยะข้างหน้า.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เหล้าเถื่อนลาว

เสียชีวิตรายที่ 6 คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว

คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตเพิ่มรายที่ 6 เป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตขณะรักษาตัวในไทย

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ช่วยปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังถูกร้องทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมช่วยเจ้าทุกข์ย้ายหน่วยตามร้องขอ

ไฟไหม้โรงงานพัดลม เผาวอดเสียหายกว่า 50 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่ จ.สมุทรสาคร ระดมรถดับเพลิงระงับเหตุ กว่า 5 ชม. จึงควบคุมไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

จับหมอดังฟอกเงิน

ออกหมายจับ “หมอดัง” พร้อมพวกรวม 9 คน “ฉ้อโกง-ฟอกเงิน”

ตำรวจออกหมายจับ “หมอดัง” พร้อมพวกรวม 9 คนข้อหา “ฉ้อโกง-ฟอกเงิน” ล่าสุดจับได้แล้ว 6 คน ส่วนอีก 3 คน อยู่ระหว่างติดตามตัว เบื้องต้นมีข้อมูลว่า “หมอดัง” หนีออกนอกประเทศตั้งแต่ ก.ย.ที่ผ่านมา

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า