รมว.คลัง โชว์วิสัยทัศน์ปี 2030 มุ่งดูแลสวัสดิการสังคม

กรุงเทพฯ 9 ก.พ.- รมว.คลัง โชว์วิสัยทัศน์ปี 2030 มุ่งดูแลสวัสดิการสังคม ส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า ลดทำลายสิ่งแวดล้อม สภาพัฒน์แนะนโยบายเศรษฐกิจยืดหยุ่น ฟื้นตัวเร็วจากวิกฤติ ขณะที่ธปท. เตรียมออกโครงสร้างพื้นฐานการเงินใหม่ปลายปี ให้บริการสกุลเงินดิจิทัลภาคประชาชน 


นายอาคม  เติมพิทยาไพสิฐ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานสัมมนา Post Today Forum 2022 หัวข้อ “Thailand Vision 2030” ว่า รัฐบาลต้องบริหารนโยบายการคลัง รองรับวิสัยทัศน์ในระยะยาว เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ การปล่อยก๊าซเรือนกระจก จึงต้องหันมาพึ่งพา เศรษฐกิจสมัยใหม่ พลังงานสะอาด พลังงานแสงอาทิตย์ ส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า  มุ่งส่งเสริมอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เพื่อปูพื้นฐานทางเศรษฐกิจยุคใหม่  รองรับเทคโนโลยีสมัยใหม่ สังคมออนไลน์ ทุกส่วนราชการจึงต้องหันมาใช้เทคโนโลยีบริการประชาชน ภาคธุรกิจให้ทันสังคม   

รัฐบาลยังต้องส่งเสริมช่องทางการระดมทุนของประชาชน ร้านค้ารายย่อย เอสเอ็มอี ผ่านแนวทาง กู้โดยตรงในลักษณะ  Peer-to-Peer Lending (P2P) เพื่อเชื่อมโยงเงินระหว่างผู้มีเงินออม กับผู้ต้องการขอสินเชื่อ  โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง หรือส่งเสริมการใช้ระบบ cloud Funding  ซึ่งมีภาคเอกชนหลายหน่วยงานเริ่มหันปล่อยกู้ให้กับเครือข่ายสมาชิก ผู้ผลิตสินค้าให้ รวมถึงการร่วมลงทุนผ่านกองทุนร่วมลงทุน VC (Venture Capital)  เพื่อไปลงทุนกับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ  นับเป็นแนวทางระดมทุนในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล 


รัฐบาลยังต้องดูแลสวัสดิการฯให้กับทุกกลุ่ม เพื่อความยั่งยืนในระยะยาว เห็นได้จากปัญหาโควิด-19 ระบบประกันสังคม มาตรา 39,40 ได้ช่วยเหลือแรงงานอิสระได้อย่างมาก รวมไปถึงการดูแลผ่านกองทุนประกันสุขภาพ กองทุนบัตรสวัสดิการฯ นับว่าช่วยบรรเทาภาระให้กับประชาชนได้อย่างมาก จึงต้องส่งเสริมให้ประชาชน สะสมเงินออม ทั้งภาคบังคับ ภาคสมัครใจ ผ่านประกันสุขภาพ ประกันชีวิต กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุน กอช. และกองทุนประเภทต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ  เมื่อต้องใช้เงินจำนวนมาก แก้ปัญหาโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ต้องออก พ.ร.ก.เงินกู้ 1.5 ล้านล้านบาท  และยังต้องเดินหน้าแก้ปัญหาลดความเหลื่อมล้ำ จึงต้องวางนโยบายการคลังในอนาคต เพื่อหารายได้เข้าชดเชยเงินกู้ในช่วงที่ผ่านมา ยอมรับว่า เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย คาดหวังว่าจีดีพีร้อยละ 3.5-4.5 ในปี 65 

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า ไทยยังต้องเผชิญปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน เช่น หนี้ภาคครัวเรือนเป็นอีกระเบิดเวลาก้อนหนึ่ง ซึ่งต้องเร่งเข้าไปแก้ไขดูแล ด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ เจรจาหนี้ เพื่อให้รายย่อยไม่ต้องถูกยึดบ้าน  ประกอบอาชีพต่อไปได้ เพราะปัญหาโควิด-19 กระทบรายย่อยอย่างมาก จึงต้องเร่งแก้ไขไม่ให้ส่งผลในระยะยาว  ปัญหาสงครามทางการค้าระหว่างประเทศ การกีดกันทางการค้ารุนแรงมากขึ้น จึงเป็นปัจจัยเสี่ยงฉุดรั้งการขยายตัวเศรษฐกิจในอนาคต จึงต้องปรับการพึ่งพาเศรษฐกิจจากการดึงเงินลงทุนต่างชาติและผลิตเพื่อการส่งออก หันมาพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศ และพึ่งพาอุตสาหกรรมแห่งอนาคต 

ในส่วนของ คริบโตเคอเรนซี่ นับว่ามีแรงกับสังคมยุคใหม่ หากประเทศมหาอำนาจมีปัญหาเศรษฐกิจ นับเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อภาคการเงิน ย่อมกระทบต่อประเทศด้วยพัฒนา ตามไปด้วย จึงต้องหันมาใช้นโดยบาย D-Risk เพื่อลดความเสี่ยงโดยไม่พึ่งพาด้านใดด้านหนึ่งมากจนเกินไป ประคองให้เศรษฐกิจเดินไปอย่างยืดหย่น แม้มีปัญหาสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วภายใต้เศรษฐกิจยุคใหม่ แต่ยังต้องบริการประชาชนผ่านออนไลน์มกขึ้น หลังจากคุ้นเคยกับการแสกนซื้อค้า ผ่านระบบคนละครึ่ง การฝากเงินผ่านพร้อมเพย์ รูดเงินซื้อสินค้าผ่านบัตรสวัสดิการฯ จึงต้องนำมาส่งเสริมมากขึ้น 


นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท. เตรียมออกโครงสร้างพื้นฐานการเงินยุคใหม่ ในช่วงไตรมาส 4 ปี 65 นี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ภาคเอชน ประชาชนออกนวัตกรรมทางการเงิน  สกุลเงินดิจิทัลสำหรับประชาชน  Retail CDCB (retail central bank digital) ออกโดย ธปท. เพื่อยกระดับการชำระเงินของประชาชน การวางโครงสร้างพื้นฐานแล้วเปิดให้เอกชนเข้ามาพัฒนานวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ เพื่อสร้างประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการอย่างปลอดภัย ยอมรับว่าคนไทยใช้ระบบพร้อมเพย์ บริการทางการเงินออไลน์มากเป็นอันดับต้นของโลก  

 “คริบโตเคอเรนซี เป็นกระแสของสังคมไทย แต่ต้องวัดให้ได้ว่าดีกว่าแก่นแท้เดิมในการใช้เงินแลกเปลี่ยน ธปท.ไม่ได้คัดค้าน อะไรดีกว่าเดิมพร้อมเปลี่ยนแปลง ในช่วง 2 ปีข้างหน้า นวัตกรรมทางการจะเปลี่ยนแปลงไปมาก ธปท. ยังเดินหน้าพัฒนา สมาร์ทไฟแนลเชียล ลดขั้นตอน ยุ่งยากซับซ้อนการใช้เอกสาร  เช่น การนำเข้า ส่งออกสินค้า ต้องใช้เอกสารจำนวนมาก เมื่อหันมาใช้ดิจิทัล จะช่วยลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ  ธปท. ขอยึดหลักกำกับดูแลแบบยืดหยุ่นมากขึ้น หากมีความเสี่ยงจะคุมเข้ม  ความเสี่ยงน้อยจะผ่อนคลาย และหากยังคลุมเครือไม่ชัดเจน จะใช้แนวทางป้องกัน แต่ไม่ขัดขวาง” .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก บอกสื่อ “คิดถึงนะคะ”

สนามหลวง 12 ส.ค.- “แพทองธาร” ยิ้ม ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน บอกสื่อฯ “คิดถึงนะคะ” ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคู่สมรส ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 ส.ค.2568 ณ ท้องสนามหลวง ทันทีที่พบผู้สื่อข่าว นางสาวแพทองธาร หันมาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “คิดถึงนะ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามเรื่องกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่ง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน คดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธาร ยิ้มและไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะอยู่ รวมถึงขอให้ยืนยันว่าจะลาออกหรือไม่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถาม และเดินทางขึ้นรถทันที.-315 -สำนักข่าวไทย