ม็อบรถบรรทุกยกเลิกวันนี้ นัดพรุ่งนี้ 8 ก.พ.หน้า ก.พลังงาน

กรุงเทพฯ 7 ก.พ.-ม็อบรถบรรทุกแจ้งยกเลิกกิจกรรมแสดงพลังและขับไล่ รมว.พลังงาน วันนี้ที่บางซื่อ นัดชุมนุมพรุ่งนี้ (8 ก.พ.) ที่กระทรวงพลังงาน ขณะที่ “สุพัฒนพงษ์” พร้อมรับฟังข้อเสนอรถบรรทุก ยืนยันไม่ท้อแม้ถูกรุมไล่ปมน้ำมันแพง


ความเคลื่อนไหวจากเพจเฟซบุ๊ก “คนรักสิบล้อ” โพสต์ข้อความว่าทัพสิบล้อพร้อม พบกัน 8 ก.พ.นี้ โดยระบุว่า สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยได้ทำการเรียกร้องราคาน้ำมันดีเซลที่ 25 บาทต่อลิตร ตั้งแต่เดือนตุลาคม 64 มีการเจรจากันหลายรอบแล้วในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา จัดกิจกรรม truck power มาแล้ว 2 ครั้ง เพื่อเป็นการกดดันรัฐบาลและกระทรวงพลังงาน แต่ล่ะครั้งมีค่าใช้จ่ายกว่าล้านบาท และเป็นการเฉลี่ยออกกันเองโดยไม่มีนายทุนหรือนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ถึงปัจจุบันก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข จึงมีมติให้จัดกิจกรรมครั้งสุดท้ายในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นการขับไล่ รมว.พลังงาน เพื่อแสดงจุดยืนของสหพันธ์ฯ และแก้ข้อครหาต่างๆ ในสังคม

ทางสหพันธ์ฯ ได้ดำเนินการเรียกร้องต่อสู้อย่างเต็มที่แล้ว จากนี้ไปเป็นเรื่องของประชาชนทุกคนที่ต้องออกมาต่อสู้เรื่องนี้กันต่อไป จึงขอเชิญชวนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากราคาน้ำมันแพง โดยภาครัฐไม่ได้เหลียวแลแก้ไข จนส่งผลกระทบให้สินค้าส่วนใหญ่ขึ้นราคา และส่งผลกระทบแก่ชีวิตประจำวันทั่วไป หากท่านใดมีความประสงค์จะร่วมรับฟังการชี้แจงเหตุผลในการต่อสู้ของกลุ่มรถบรรทุก ว่าทำไมเราจึงคิดว่ารัฐสามารถลดราคาได้แต่ทำไมจึงไม่ลด ขอเชิญรับฟังได้ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป ณ กระทรวงพลังงาน


ล่าสุด! จากการหารือร่วมกันในหลายภาคส่วน เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ได้ขอยกเลิกกิจกรรมเคลื่อนไหวเพื่อประชาสัมพันธ์ในวันนี้ (7 ก.พ.) เวลา 15.30 น. ที่บางซื่อ โดยขออภัยอย่างสูงในความไม่สะดวก มา ณ โอกาสนี้

อย่างไรก็ตามกิจกรรม Truck Power Final Season ที่บริเวณหน้ากระทรวงพลังงาน ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์นี้ ยังเป็นตามเดิม เริ่มเคลื่อนขบวนรถบรรทุก ตั้งแต่เวลา 08.00 น. โดยจะมีการรวมพลในเส้นทางหลัก 3 แห่ง ได้แก่

  1. ถนนเอเชีย เริ่มจาก ด่านบางปะอิน > นวนคร > ดอนเมือง > มุ่งหน้าไปกระทรวงพลังงาน
  2. ถนนบางนาตราด เริ่มจาก บางนาตราด กม.12 > มุ่งหน้าไปกระทรวงพลังงาน
  3. ถนนกาญนาภิเษก เริ่มจาก นครปฐม > ตลิ่งชัน > บางพลัด > วงศ์สว่าง > มุ่งหน้าไปกระทรวงพลังงาน

สำหรับข้อเรียกร้องของสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ราคาน้ำมันดีเซลต้องไม่เกิน 25 บาทต่อลิตร หากรัฐไม่ทำตามเรียกร้องจะปรับขึ้นราคา ค่าขนส่งอีก 20 %


ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า เรื่องราคาน้ำมันมีคนเดือดร้อนจำนวนมาก ไม่ใช่เฉพาะรถบรรทุก ซึ่งรัฐบาลก็พยายามดูแลทุกกลุ่ม และเมื่อต้นทุนน้ำมันเป็นแบบนี้ รัฐบาลก็ใช้ทุกวิธีการดูแลไม่ให้ราคาสูงเกินไปจนทำให้เกิดความเดือดร้อนและต้องพิจารณาในเรื่องงบประมาณด้วย ขณะเดียวกันต้องดูกลไกราคาน้ำมันตลาดโลกด้วย ไม่ใช่เดือดร้อนเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เดือดร้อนทุกกลุ่มทั้งภาคการผลิต ภาคบริโภค ภาคขนส่งต้องช่วยกัน เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้อยู่และรัฐบาลก็ดำเนินในหลายมาตรการมาอย่างต่อเนื่อง ก็ขอให้ติดตามสถานการณ์ในหลายประเทศเทียบเคียงด้วย

ขณะที่นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน กล่าวถึงกรณีสหพันธ์การขนส่งทางบกฯ ประกาศชุมนุมหน้ากระทรวงพลังงานเรียกร้องให้รัฐบาลตรึงราคาน้ำมันดีเซลและขับไล่ รมว.พลังงาน ออกจากตำแหน่งว่า ทุกครั้งที่มีการชุมนุมของกลุ่มต่างๆเราก็รับข้อเสนอและสามารถให้ข้อมูลได้มากที่สุด ขณะนี้กำลังดูมาตรการเดิมที่มีไปถึงวันที่ 31 มี.ค. และหากได้ข้อเรียกร้องต่างๆ มา ก็จะดูว่าสามารถนำไปปรับปรุงอย่างไรและทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนจะสามารถตรึงราคาน้ำมันดีเซล 25 บาทได้หรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตรึงไว้ที่ 30 บาท ส่วน 25 บาท คงต้องมาดูกันว่าตัวเลขนี้มาได้อย่างไรและจะได้ประโยชน์อย่างไร

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตการลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่น แต่ไม่ลดให้รถบรรทุกเป็นการเอื้อนายทุนหรือไม่นั้น มาตรการที่ว่าเป็นมาตรการชั่วคราว สิ่งที่สหพันธ์รถบรรทุกขอ ไม่ใช่มาตรการเฉพาะ วันนี้รัฐช่วยลิตรละ 5 บาทอยู่แล้ว เท่ากับภาษีสรรพสามิต ส่วนจะพิจารณาช่วยเหลือเพิ่มเติมต่อไปหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ซึ่งต้องยอมรับว่าช่วงนี้ราคาน้ำมันขึ้นมาเร็วมาก เพียงเดือนเดียวขึ้นมา 5 บาทกว่า ถือเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วน ซึ่งรัฐบาลก็ทำอย่างเต็มที่แล้วภายใต้กรอบและจำนวนเงินที่มีอยู่

กรณีที่มีการเรียกร้องขับไล่รัฐมนตรีนั้นไม่รู้สึกท้อใช่หรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ไม่ท้อ ถือเป็นเรื่องธรรมดา ทุกคนก็มีความขุ่นเคืองในยามนี้ เพราะไม่ใช่สถานการณ์ปกติ เป็นสถานการณ์ที่เรากำลังอยู่ในวิกฤติระดับโลก ทั้งเรื่องควบคุมโควิด เรื่องฉีดวัคซีน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ตนคิดว่าไม่ใช่เป็นเรื่องของการเมือง

สำหรับกรณีที่สหพันธ์ฯ จะขอขึ้นราคาค่าขนส่ง 20% หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจะทำให้วงจรค่าขนส่งเปลี่ยนไปหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า อยู่ที่สถานการณ์และข้อตกลงของการขนส่ง ระหว่างผู้ให้และผู้รับบริการ และขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าจะขึ้นได้มากแค่ไหนตามกลไกตลาด ทั้งนี้รัฐบาลจะปล่อยให้ภาคเอกชนขึ้นราคาบริการขนส่งหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ถือเป็นกลไกตลาดเสรี จะไปบังคับทุกเรื่องไม่ได้ และต้องถามว่าผู้รับบริการจะยอมให้ขึ้นหรือไม่ และต้องพูดคุยกัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย