ชลบุรี 4 ก.พ. – รฟท. ประเดิมรับมอบหัวรถจักรดีเซลไฟฟ้ารุ่นใหม่ 20 คัน เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ รองรับโครงการรถไฟทางคู่ที่จะเปิดใช้งานในอนาคต
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธีรับมอบรถจักรดีเซลไฟฟ้า (Diesel Electric Locomotive) โครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า น้ำหนักกดเพลา 16 ตัน/เพลา พร้อมอะไหล่ ระยะที่ 1 จำนวน 20 คัน จากกิจการร่วมค้าเอสเอฟอาร์ ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่างบริษัท ชานโฟโก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และบริษัท ริเวอร์เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การรับมอบรถจักรดีเซลไฟฟ้าครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งในแผนการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพ การให้บริการและสร้างรายได้ของการรถไฟฯ โดยถือเป็นรถจักรดีเซลไฟฟ้ารุ่นใหม่ คุณภาพสูง ที่ผลิตโดยบริษัท ซีอาร์อาร์ซี ชิซูเยียน(CRRC Qishuyan) ผู้ผลิตรถจักรดีเชลชั้นนำของประเทศจีน และมีเครื่องยนต์ที่ผลิตจากประเทศเยอรมนี ซึ่งจะมาใช้ทดแทนรถจักรเดิมที่มีอายุการใช้งานมายาวนาน และบางคันมีการใช้งานมากกว่า 50 ปี จึงถือเป็นการพลิกโฉมการให้บริการครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง ถือเป็นรถจักรที่มีความทันสมัย มีสมรรถนะการใช้งานที่ดีกว่าเดิม จะช่วยให้การรถไฟฯ มีรถจักรเพียงพอต่อการให้บริการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าได้มากขึ้น รองรับโครงการรถไฟทางคู่ที่ทยอยเปิดใช้งานในอนาคต ซึ่งช่วยให้ทั้งการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารมีความรวดเร็ว ปลอดภัย รวมถึงช่วยสร้างโอกาสในการหารายได้ของการรถไฟฯ ตลอดจนเสริมศักยภาพการขนส่งทางรางให้กับประเทศไทยได้อย่างเป็นอย่างดี
สำหรับจุดเด่นของรถจักรดีเซลฟฟ้าดังกล่าว ได้ถูกอกแบบและผลิตด้วยเทคโนโลยีทันสมัย มีสมรรถนะในการลากจูงขบวนรถโดยสารได้ความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และลากจูงขบวนรถสินค้าที่ความเร็วสูงสุด 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกจากนี้ มีการติดตั้งระบบห้ามล้ออัตโนมัติ มีเครื่องยนต์รถจักร ผลิตจากประเทศเยอรมนี ซึ่งมีคำมาตรฐานในการปล่อยควันไอเสียต่ำตามมาตรฐานเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนได้ติดตั้งระบบกล้อง CCTV เพื่อบันทึกเหตุการณ์ต้านหน้ารถจักรและเครื่องพ่วงเพื้อยกระดับความปลอดภัยในการเดินรถอีกด้วย
ทั้งนี้ การรถไฟฯ ได้มีการเปิดประกวดราคา และลงนามในสัญญาในโครงการ จัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า น้ำหนักกดเพลา 16 ตัน/เพลา พร้อมอะไหล่ จำนวน 50 คัน วงเงิน 6,525 ล้านบาท กับกิจการร่วมเอฟอาร์ ไปเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2563 โดยมีกำหนดระยะเวลาการส่งมอบรถจักรแบ่งออกเป็น 2 ระยะ โดยระยะที่ 1 จำนวนไม่น้อยกว่า 60 คัน ภายในระยะเวลา 540 วัน นับจากวันลงนามฯ หรือภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 และระยะที่ จำนวนที่เหลืออีก 30 คัน ส่งมอบภายใน 915 วัน นับจากวันลงนาม หรือภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 .-สำนักข่าวไทย