กรุงเทพฯ 2 ก.พ.-กกร. คงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 65 ขยายตัว 3.0-4.5% ขณะที่การส่งออกโต 3.0-5.0% และคาดอัตราเงินเฟ้อปรับตัวขึ้น 1.5-2.5%
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เผยว่า เศรษฐกิจปี 2565 มีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น โดยเศรษฐกิจไทยยังมีศักยภาพที่จะเติบโตได้เนื่องจากสามารถบริหารจัดการการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ (โอมิครอน) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้อง Lockdown อย่างไรก็ดี ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยได้หลายช่องทางรวมถึงเงินเฟ้อ ภาครัฐจึงจำเป็นต้องเตรียมการแก้ปัญหาราคาสินค้าแพงเพื่อไม่ให้อัตราเงินเฟ้อเร่งขึ้นมาก จนกระทบกับผู้บริโภคและการเติบโตของเศรษฐกิจไทยโดยรวม ที่ประชุม กกร. จึงคงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2565 จะขยายตัวได้ในกรอบ 3.0% ถึง 4.5% ขณะที่ประมาณการการส่งออกในปี 2565 ว่าจะขยายตัวในกรอบ 3.0% ถึง 5.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะปรับตัวขึ้นในกรอบ 1.5% ถึง 2.5%
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากสถานการณ์การปรับราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในขณะนี้ โดยเฉพาะอาหารสด และพลังงาน ที่มีการทยอยปรับราคาสูงขึ้น ซึ่งกระทบต่อภาระค่าครองชีพของประชาชนอย่างมาก อาจส่งผลให้เกิดความกังวลเรื่องกำลังซื้อของภาคครัวเรือนที่จะชะลอการบริโภคลง ประกอบกับประชาชนระมัดระวังการใช้จ่ายซื้อสินค้าที่จำเป็นเท่านั้น ซึ่งจะสะท้อนผ่านกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่อาจฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาดการณ์ โดยที่ประชุม กกร. เสนอ 3 ข้อ ดังนี้
1) ขอความร่วมมือภาคเอกชนตรึงราคาสินค้า โดยขอให้ผู้ประกอบการบริหารจัดการสต๊อกสินค้าและวัตถุดิบที่มีอยู่เพื่อชะลอการปรับขึ้นราคาออกไปก่อน เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนในสถานการณ์ปัจจุบัน
2) ขอให้ภาครัฐตรึงราคาพลังงานเชื้อเพลิงและก๊าซหุงต้มภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร เพื่อช่วยลดภาระต้นทุนการผลิตและการขนส่งให้กับผู้ประกอบการ
3) ขอให้ภาครัฐอำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าประเทศ โดยปรับมาตรการ Test & Go ให้ลดจำนวนครั้งการตรวจ RT-PCR ให้เหลือเพียงวันที่เดินทางถึงไทย และให้ใช้วิธีการส่งผลตรวจ ATK ผ่านระบบ หลังการเดินทางเข้าประเทศ 5 วัน แทนการตรวจด้วย RT-PCR เพื่อส่งเสริมบรรยากาศการท่องเที่ยวให้กลับมาอีกครั้ง
ทั้งนี้ภาคเอกชนโดย กกร. ขอมีส่วนร่วมใน ศบค. เพื่อเสนอแนะและให้คำปรึกษาด้านการบริหารจัดการในสถานการณ์โควิด -19 ให้มาตรการที่ออกมามีประสิทธิภาพด้านสาธารณสุขควบคู่ไปกับด้านเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ยังขอให้ภาครัฐให้การสนับสนุน กิจกรรมเพื่อส่งเสริมสุขภาพในสถานประกอบการ โดยให้ผู้ประกอบการสามารถนำค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสุขภาพในสถานประกอบการไปลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่า
“ส่วนประเด็นการขอขึ้นค่าแรง ของคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) และสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ที่ได้มีการยื่นข้อเสนอให้รัฐบาลประกาศปรับค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเป็น 492 บาท เท่ากันทั่วประเทศนั้น ตนไม่เห็นด้วย แต่ควรจะมีการพิจารณาเป็นรายท้องถิ่น ตามแต่ละจังหวัดจะตกลงกัน เนื่องจากเศรษฐกินของแต่ละจังหวัดไม่เท่ากัน” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าว
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เผยถึงกรณีสินค้าอุปโภคบริโภคหลายรายการ พาเหรดปรับราคาขึ้น ว่า หลังไตรมาส 1 ของปี 2565 สินค้าคงจะไม่ปรับขึ้นราคาเพิ่มอีก เนื่องจากขณะนี้หลายอย่างปรับเพิ่มจนถึงเพดานราคาแล้ว ส่วนการตรึงราคา ก็สามารถทำได้ในระยะเวลาหนึ่ง จะทำตลอดไปไม่ได้ เนื้องจากการคุมราคา หรือบิดเบือนราคาสินค้าจากความเป็นจริง จะทำให้ผู้ประกอบการอยู่ได้ไม่นาน
“ส่วนมาตรการช่วยเหลือ คนละครึ่งเฟส 4 ที่เริ่มเมื่อวานเป็นวันแรก ถือว่าเป็นเรื่องดีที่จะช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชน แต่ตนมองว่าวงเงินที่ให้น้อยเกินไป เพียง 1200 บาท ซึ่งน้อยกว่าทุกรอบ ควรจะเพิ่มวงเงินให้มากกว่านี้ และเห็นว่าภาครัฐควรขยายระยะเวลา มาตรการ ช้อปดีมีคืน ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 15 ก.พ.นี้ “นายสนั่นกล่าว .-สำนักข่าวไทย