ระยอง 26 ม.ค. – อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งระบุ รุดตรวจสอบเหตุการณ์น้ำมันดิบ 400,000 ลิตรรั่วไหลจากท่อใต้ทะเลของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) รั่วไหลลงทะเลที่จังหวัดระยองกลางดึกที่ผ่านมา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษเผย ผลคาดการณ์จากแบบจำลองพบว่า กลุ่มน้ำมัน 180,000 -200,000 ลิตรอาจเคลื่อนตัวสู่หาดแม่รำพึงจนถึงอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ดในวันที่ 28 ม.ค. นี้ เร่งประสานกับทุกหน่วยงานประเมินสถานการณ์และหาแนวทางแก้ไขด่วน
นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า เร่งเดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุน้ำมันดิบ 400,000 ลิตรรั่วไหลจากท่อใต้ทะเลของทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเลบริเวณมาบตาพุด จังหวัดระยอง โดยเป็นท่อของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) ได้รับการประสานจากทางบริษัทเมื่อเวลา 00.30น. ของคืนที่ผ่านมา ทั้งนี้ทางบริษัทระบุว่า เกิดเหตุตั้งแต่เวลา 21.06 น. ของวันที่ 25 มกราคม 2565 โดยทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล (SPM) ดังกล่าวอยู่บริเวณละติจูด 12 องศา 29.3 ลิปดาเหนือ ลองติจูด 101 องศา 11.76 ลิปดาตะวันออก จึงจำเป็นจะต้องยับยั้งไม่ให้น้ำมันเคลื่อนที่เข้าสู่ฝั่งเนื่องจากทิศทางลมพัดขึ้นไปทางด้านเหนือ อาจจะมีผลกระทบต่อชายหาดหลายแห่งในจังหวัดระยอง
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษกล่าวว่า ผลคาดการณ์จากแบบจำลอง OilMap ซึ่งใช้ทำนายการเคลื่อนที่ของคราบน้ำมันในทะเลพบว่า กลุ่มน้ำมันดังกล่าวอาจจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งทะเลบริเวณหาดแม่รำพึงจนถึงอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ดในวันที่ 28 มกราคม 2565 ระหว่างเวลาประมาณ 15.00-17.00 น. ในปริมาณประมาณ 180,000 -200,000ลิตรจึงส่งให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายงฝั่ง กองทัพเรือ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ประเมินสถานการณ์ต่อเนื่องและหาแนวทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน
บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟนนิ่ง จำกัด (มหาชน) ออกแถลงการณ์ 2 ฉบับ โดยฉบับที่ 1 ออกเมื่อเวลา 21.06 น. เมื่อวานนี้ (25 ม.ค.) ระบุวว่า บริษัทพบน้ำมันรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเลหรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล (SPM) ซึ่งตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง โดยทันทีที่เกิดเหตุระดมทีมเพื่อควบคุมสถานการณ์ตามแผนรับมือเหตุฉุกเฉิน อีกทั้งหยุดกิจกรรมในพื้นที่ใกล้เคียงทั้งหมดตามขั้นตอนความปลอดภัย แจ้งหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้แก่ ชุมชน ศูนย์เฝ้าระวังและควบคุมสิ่งแวดล้อม ศูนย์บัญชาการตอบโด้สถานการณ์ฉุกเฉินและกระจายข่าว และกลุ่มบริษัทข้างเคียง
ส่วนฉบับที่ 2 ออกเมื่อเวลา 04.02 น. วันนี้ (26 ม.ค.) โดยแจ้งเพิ่มเติมว่า หลังจากที่เกิดเหตุ ทีมตอบโต้ภาวะฉุกเฉินได้ควบคุมสถานการณ์ตามขั้นตอนการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน โดยสามารถควบคุมได้และหยุดการรั่วไหลตั้งแต่เวลา 00:18 น. ของวันนี้ ตลอดจนใช้เรือฉีดพ่นน้ำยาขจัดคราบ รวมทั้งแจ้งศูนย์เฝ้าระวังและควบคุมสิ่งแวดล้อม (EMCC) ชุมชนกลุ่มประมงใกล้เคียง ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ศรชล. ภาค 1 โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งกำลังพล เรือ และน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน ขณะนี้โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทยังสามารถเดินเครื่องได้ตามปกติโดยไม่มีผลกระทบจากอุบัติการณ์ดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย