กรุงไทย เผยกำไรสุทธิปี 64 เพิ่มขึ้น 29%

กทม. 21 ม.ค.-“กรุงไทย” กำไรสุทธิปี 2564 เท่ากับ 21,588 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% ด้าน Fitch Ratings เพิ่มอันดับธนาคารเป็น AAA (tha)

“กรุงไทย” ประกาศผลดำเนินงานปี 2564 มีกำไรสุทธิ 21,588 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.0 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เฉพาะไตรมาส 4 ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 4,944 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสินเชื่อที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง การบริหารคุณภาพสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มระดับของ Coverage ratio ให้สูงขึ้นเป็นร้อยละ 168.8 ขณะที่การตั้งสำรองลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ยังเป็นการตั้งสำรองในระดับสูง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เดินหน้าช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่ม เป็นกลไกหลักในการสนับสนุนภาครัฐเยียวยาผลกระทบและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทั้งนี้ Fitch Ratings ปรับอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น AAA (tha)


นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ปี2564 ภาวะเศรษฐกิจเผชิญความท้าทายจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แม้ว่าอุปสงค์ในประเทศเริ่มกลับมาฟื้นตัวในไตรมาสสุดท้ายของปีจากการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค และการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่สถานการณ์ยังมีความไม่แน่นอนสูง ธนาคารจึงให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง โดยบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างใกล้ชิดและเพิ่มระดับของ Coverage ratio ให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับสถานการณ์ความไม่แน่นอนในอนาคต พร้อมดูแลช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มอย่างใกล้ชิด ครอบคลุมลูกค้ารายย่อย และลูกค้าธุรกิจ ทั้งมาตรการระยะเร่งด่วน มาตรการเฉพาะกลุ่ม และมาตรการปรับโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน รวม 7 มาตรการ เพื่อให้สามารถประคองตัวและกลับมาเติบโตได้ในระยะข้างหน้า พร้อมเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินนโยบายของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนทุกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 สนับสนุนมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่านโครงการต่างๆ

นอกจากนี้ ธนาคารยังเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนมาตรการของรัฐในการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ขับเคลื่อนต่อไปได้ ทั้งโครงการเราชนะ ม.33 เรารักกัน คนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน และยิ่งใช้ยิ่งได้ โดยธนาคารเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐานการเงิน เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของลูกค้าทุกกลุ่มให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2564 Fitch Ratings ได้ประกาศปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคาร เพิ่มขึ้น 1 ระดับ ทั้งอันดับความน่าเชื่อสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว เป็น BBB+ และอันดับความน่าเชื่อถือภายในประเทศระยะยาว เป็น AAA(tha) ซึ่งเป็นระดับความน่าเชื่อถือในระดับสูง โดยเป็นธนาคารพาณิชย์เพียงแห่งเดียวที่ได้รับการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือในรอบนี้ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและบทบาทที่ชัดเจนของธนาคารในเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินนโยบายของภาครัฐในการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนและฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงที่ประเทศเผชิญความท้าทายจากการแพร่ระบาดของโควิด-19


ผลประกอบการของปี 2564 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 21,588 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.0 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสินเชื่อที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งถึงร้อยละ 12.6 จากสิ้นปีที่ผ่านมา เพิ่มระดับของ Coverage ratio ให้สูงขึ้นเป็นร้อยละ 168.8 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 147.3 ณ สิ้นปี 2563 เพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ มีการบริหารจัดการและควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยมี NPLs Ratio-Gross อยู่ที่ร้อยละ 3.50 ลดลงจากร้อยละ 3.81 ณ สิ้นปีที่ผ่านมา โดยธนาคารตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 32,524 ล้านบาท แม้ว่าจะลดลงร้อยละ 27.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ยังเป็นการตั้งสำรองในระดับที่สูง

ทั้งนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองและภาษีเงินได้ เท่ากับ 63,055 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในช่วงเดียวกันของปีก่อนธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยพิเศษเงินให้สินเชื่อจากการขายทอดตลาดทรัพย์สินหลักประกันจำนอง หากไม่รวมรายได้ดอกเบี้ยพิเศษ กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองและภาษีเงินได้ลดลงร้อยละ 1.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการลดลงของแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย โดยมี NIM เท่ากับร้อยละ 2.49 ทั้งนี้ ธนาคารบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงร้อยละ 1.4 ส่งผลให้ Cost to Income ratio เท่ากับร้อยละ 45.5 เทียบเท่าในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ไม่รวมรายได้ดอกเบี้ยพิเศษ

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 4/2564 เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 4,944 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.2 จากรายได้รวมที่ขยายตัวได้ดีทั้งจากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 จากสินเชื่อที่เติบโตในระดับสูงโดยมุ่งเน้นสินเชื่อที่มีคุณภาพ ส่งผลให้ NIM เท่ากับร้อยละ 2.47 ประกอบกับรายได้จากการดำเนินงานอื่นที่ขยายตัว โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 จากการขาดทุนจากการด้อยค่าทรัพย์สินรอการขาย ทั้งนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเท่ากับ 8,233 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11.0 โดยระดับของ Coverage ratio ปรับสูงขึ้น


เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2564 ธนาคารและบริษัทย่อยมีรายได้จากการดำเนินงานขยายตัวร้อยละ 5.6 จากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยรวมถึงรายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยายตัวร้อยละ 1.0 อย่างไรก็ดี ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4 จากการขาดทุนจากการด้อยค่าทรัพย์สินรอการขาย การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อรองรับกลยุทธ์ด้านดิจิทัลของธนาคาร รวมถึงการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายตามฤดูกาลในด้านส่งเสริมการตลาดและค่าใช้จ่ายพนักงาน ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองและภาษีเงินได้ที่ลดลงร้อยละ 0.2 สอดคล้องกับมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารที่ลดลงร้อยละ 2.2 โดยได้ตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมาเพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น

ธนาคาร (งบเฉพาะธนาคาร) มีเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับ 327,685 ล้านบาท และมีเงินกองทุนทั้งสิ้นเท่ากับ 393,995 ล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 16.54 และร้อยละ 19.88 ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยงตามลำดับ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี

ชลบุรี 26 มิ.ย. – คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท ห้างดังกลางเมืองชลบุรี ระหว่างหนีเจอตำรวจนอกเครื่องแบบ คนร้ายยิงปืนใส่ 1 นัด โดนหมวกกันน็อก ตำรวจหลบทันแย่งปืนได้ แต่คนร้ายวิ่งหลบหนี คนร้ายชายสวมเสื้อแขนยาวสีเทาดำสวมหมวกสีชมพูใส่แมสก์ปิดบังใบหน้ากางเกงขายาว ทำทีเข้ามาซื้อทองภายในร้านทอง ในห้างสรรสินค้าย่านบ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี ก่อนจะชักปืนออกมาจี้บังคับพนักงานให้หยิบ สร้อยคอทองคำรูปพรรณหนัก 10 บาท จำนวน 2 เส้น และหนัก 9 บาท จำนวน 2 เส้น ก่อนจะเอาทองใส่กระเป๋าแล้วรีบวิ่งหลบหนีออกจากห้าง ระหว่างหลบหนี มีตำรววิ่งไล่ติดตามคนร้าย และตำรวจนอกเครื่องแบบที่มาทำธุระเห็นเหตุการณ์ได้เข้าไปจับกุม แต่ถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่สุดท้ายสามารถแย่งปืนจากคนร้ายเอาไว้ได้ พนักงานร้านทอง เล่าว่าตอนเกิดเหตุเป็นช่วงกำลังจัดร้านเพราะเพิ่งเปิดมีผู้ก่อเหตุสวมหมวกสีชมพู ใส่แมสก์ปิดบังใบหน้าเข้ามาขอดูทองหนัก 10 บาท จึงบอกให้ถอดหมวกและแมสก์ แต่พูดยังไม่ทันขาดคำผู้ก่อเหตุได้ชักปืนออกมาพร้อมกับจี้บังคับให้เอาทองหนัก 10 บาท มาให้สองเส้นและสร้อยคอหนัก 9 บาทอีกสองเส้น รวมเป็น 4 เส้น น้ำหนักรวม […]

ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone สอยร่วง 4 ลำโดรนไม่ทราบฝ่าย

กองทัพเรือ 26 มิ.ย.-ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone ตอบโต้โดรนไม่ทราบฝ่ายที่บินเหนือฐานชายแดนจันทบุรีช่วงต้นสัปดาห์ สอยร่วง 4 ลำ พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ ระบุถึงกรณี จนท.เฝ้าตรวจการณ์นาวิกโยธิน ใช้ Anti-Drone ตัดสัญญาณโดรน ไม่ทราบฝ่ายตก 4 ลำ ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังจันทบุรีตราด ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า โดรนไม่ทราบฝ่าย บินเหนือฐาน ชายแดนจันทบุรี ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ Anti-Drone ยิงตกไป 4 ลำ ทั้งนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลายวันแล้ว และเป็นไปตามที่ได้ชี้แจง ถึงแนวทางปฏิบัติของกองทัพเรือไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยกองทัพเรือมีมาตรการควบคุมการใช้โดรนบริเวณแนวชายแดน และแจ้งเตือนหากมีโดรนเข้ามาในเขตหวงห้ามก็จะใช้มาตรการต่อต้านโดรน.-313.-สำนักข่าวไทย

สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย. – เลขาธิการ กพฐ. สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ พร้อมตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทันที เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ กรณีโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จัดอาหารมื้อเช้าให้นักเรียนเป็นข้าว พะโล้ไก่ กับไข่ต้ม 1 ใบนั้น สพฐ.ได้รับทราบเหตุและไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอนโดยทันที เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนและเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย พร้อมทั้งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวไปปฏิบัติหน้าที่ยังสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เป็นการชั่วคราวจนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านการบริหารภายในสถานศึกษา โดย สพฐ. จะกำกับติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ได้กำชับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่งให้กำกับติดตามสถานศึกษาในสังกัดให้ดำเนินการโครงการต่างๆ ตามระเบียบอย่างเคร่งครัด ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักเรียนและครูต่อไป.-417-สำนักข่าวไทย

เลื่อน! “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ลงทะเบียน 1 ก.ค.

25 มิ.ย. – เลื่อน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” 5 แสนสิทธิ์ ประชาชนเริ่มลงทะเบียน 1 ก.ค. เวลา 08.00 น. เดินทางได้ตั้งแต่ 4 ก.ค. – 31 ต.ค.68 เมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าครม. มีมติเห็นชอบโครงการและรายการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 110,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท หนึ่งในนั้นคือโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง วงเงิน 1,750 ล้านบาท โดยมีการแจ้งว่า จะเริ่มเปิดลงทะเบียนให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการ 5 แสนสิทธิ์ เที่ยงคืนที่ผ่านมา และสามารถเที่ยวได้ 1 ก.ค.เป็นต้นไป แต่ปรากฏว่า มีการแจ้งเลื่อนเมื่อคืนนี้เช่นกัน โดย ผู้ว่าการ ททท. แจ้งว่าจะเปิดลงทะเบียนวันที่ 1 กรกฎาคม เวลา 08.00 น. […]

ข่าวแนะนำ

เริ่มแล้ว! ม็อบรวมพลังแผ่นดิน ทยอยปักหลักอนุสาวรีย์ชัยฯ

กทม. 28 มิ.ย.- เริ่มแล้ว! มวลชนกลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ เดินเท้าเคลื่อนขบวนไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อร่วมชุมนุมใหญ่ ขณะที่การจราจรเช้านี้ รถยังเคลื่อนตัวได้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กลุ่ม คปท. กองทัพธรรม กปปส. และมวลชนหลายร้อยคน รวมตัวกันบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อเตรียมเคลื่อนขบวนไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยมีประชาชนจากหลายจังหวัดเข้าร่วม ต่างยกธงชาติไทย ชูป้ายข้อความเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ลาออก เวลา 08.30 น. เริ่มเคลื่อนขบวนมุ่งหน้าแยกอุรุพงษ์ จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนพระราม6 เลี้ยวขวาเข้าถนนศรียุธยา ตรงเข้าแยกราชเทวี และเลี้ยวซ้ายเข้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ส่วนกำหนดการวันนี้เวลา 10.00 น. จะมีการเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่ทหารกล้า หลังจากนั้น เวลา 12.00 น. จะเปิดเวทีปราศรัย ขณะที่ช่วง 17.30-18.10 น. จะอ่านแถลงการณ์ “รวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย” จากนั้นจะเป็นการปราศรัยหลักจากกลุ่มแกนนำ อาทิ นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นต้น จนถึงเวลา 21.00 […]

นายกฯ บินเชียงรายตรวจน้ำท่วม ไม่กังวลม็อบขับไล่ ชี้เป็นสิทธิ

บน.6 ดอนเมือง 28 มิ.ย.- นายกฯ นำคณะตรวจน้ำท่วมเชียงราย ไม่กังวลม็อบชุมนุมขับไล่ ชี้เป็นสิทธิ ยินดีคุยด้วยสันติวิธี เช้านี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ หลังฝนตกหนัก ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และให้กำลังใจกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับสัญชาติไทย ก่อนออกเดินทาง นายกรัฐมนตรีได้ตอบคำถามสื่อมวลชน กรณีกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน นัดชุมนุมใหญ่ วันนี้ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เรียกร้องให้ตนเองลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า ไม่กังวล เนื่องจากมองว่าเป็นสิทธิ หากยังอยากคุยกันด้วยสันติวิธีเหมือนเดิมก็ยินดี สำหรับกำหนดการวันนี้ นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่อำเภอพญาเม็งราย และวัดสันติคีรี จังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมและให้กำลังใจประชาชน พร้อมมอบถุงยังชีพให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย จากนั้นจะเดินทางไปยังอำเภอเชียงแสน ติดตามการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ โดยหารือกับเจ้าหน้าที่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก่อนเดินทางไปพบปะและให้กำลังใจกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับสัญชาติไทยตามมติอนุมัติของกระทรวงมหาดไทย ที่โรงเรียนแม่จันวิทยาคม อำเภอแม่จัน .-สำนักข่าวไทย

เตือน “เหนือ-อีสาน” ฝนถล่ม ระวังน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก

กทม. 28 มิ.ย.- กรมอุตุฯ เตือน “เหนือ-อีสาน” เตรียมรับมือฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและภาคตะวันออกมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือบริเวณจังหวัดเชียงรายและน่าน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน และตอนบนของภาคเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนบนและประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย – สำนักข่าวไทย

ฝนถล่มน้ำท่วมหลายพื้นที่ ส่งสัญญาณรับมือฤดูน้ำหลาก

เชียงราย 27 มิ.ย. – ชาวบ้านอย่างน้อย 4,000 ครอบครัวใน 5 อำเภอของเชียงราย เดือดร้อนหนักจากน้ำท่วม หลังฝนตกทั้งคืน โดยเฉพาะ อ.พญาเม็งราย วัดปริมาณฝนได้กว่า 300 มิลลิเมตร น้ำท่วมสูงเป็นวงกว้าง เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุออกจากบ้านเพื่อความปลอดภัย ล่าสุดแม้ระดับน้ำที่ท่วมหลายจุดเริ่มลดลงแล้ว แต่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพราะน้ำท่วมครั้งนี้เป็นเหมือนสัญญาณเตือนให้เตรียมรับมือฤดูน้ำหลากในปีนี้.-สำนักข่าวไทย