นนทบุรี 21 ม.ค.-รัฐมนตรีพาณิชย์ยอมรับแก้ไขราคานำ้มันปาล์มไม่ใช่เรื่องง่ายจะทำอย่างไรให้ทุกฝ่ายรับได้ เตรียมนัดทุกฝ่ายถกหาทางออกร่วมกัน ชี้แก้ไขราคาหมูแพงต้องบรูณการทุกฝ่าย แต่กำชับกรมการค้าภายในทุกสินค้าหากยังตรึงได้ขอก่อนเพื่อลดผลกระทบค่าครองชีพของประชาชน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวถึงกระแสข่าวราคาน้ำมันปาล์มโดยเฉพาะปาล์มขวดมีราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง ถือเป็นการบ้านข้อยาก เพราะตอนที่เข้ามารับตำแหน่งราคาผลปาล์มอยู่ที่ 2 บาทกว่าๆต่อกิโลกรัม แต่ตอนนี้
ผลปาล์มมีราคาสูงขึ้นถึง 10-11 บาทต่อกิโลกรัมถือว่าเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มมีความพอใจราคานี้มาก แต่ขณะเดียวกันราคาผลปาล์มที่สูงมากย่อมส่งผลให้น้ำมันปาล์มที่นำไปผลิตเพื่อการบริโภคต่อขวดสูงขึ้นอย่างมากในตอนนี้ ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์จะต้องทำให้เกิดความสมดุลทั้งเกษตรกร ผู้ผลิตและผู้บริโภคเพื่อให้อยู่ร่วมกันได้ โดยจะนัดหมาย 3 ฝ่ายดังกล่าวมาประชุมหารือร่วมกันเพื่อหาทางออกของปัญหาปาล์มทุกระบบกันต่อไป
สำหรับการแก้ไขเนื้อหมูแพงที่เกิดจากปัญหาขาดแคลนเนื้อหมูนั้น โดยขณะนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังหาทางพยายามแก้ไขปัญหาร่วมกันแบบบูรณาการไม่ใช่เฉพาะ 2 หน่วยงานได้แก่กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เท่านั้น ซึ่งตอนนี้ทางกรมปศุสัตว์เร่งหาแนวทางส่งเสริมให้ผู้เลี้ยงหมูรายย่อยกลับมาเลี้ยงหมูโดยได้เตรียมลูกหมูไว้แล้วหลายแสนตัว รวมถึงเตรียมเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้ผู้เลี้ยงหมู ขณะที่กระทรวงการคลังกำลังศึกษาลดภาษีนำเข้าอาหารสัตว์ และกระทรวงพลังงานไปดูในด้านขนส่งว่าจะเข้าไปช่วยกันอย่างไรเพื่อให้การขาดแคลนหมูของประเทศไทยกลับมาโดยเร็ว
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังตอบไม่ได้ว่าถึงเวลาจะนำเข้าเนื้อหมูจากต่างประเทศเพื่อเข้ามาชดเชยเนื้อหมูภายในประเทศที่เหลือน้อย คงต้องขึ้นอยู่กับทางกรมปศุสัตว์ที่มีอำนาจพิจารณาเห็นควรที่จะมีการนำเข้าเนื้อหมูมาหรือไม่ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้มีภาระหน้าที่โดยตรงที่จะให้มีการอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้มีการนำเข้าเนือหมูหรือไม่ ดังนั้น จึงเชื่อว่าแผนการแก้ไขปัญหาเนื้อหมูขาดแคลนจะดีขึ้น ซึ่งขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าตรวจเช็คตามคำประกาศของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ(กกร.) ที่กำหนดให้ผู้เลี้ยงหมูรายใหญ่ ตั้งแต่ 500 ตัวขึ้นไป และผู้ครอบครองหรือห้องเย็นที่มีสตอกหมู ตั้งแต่ 5,000 กิโลกรัมขึ้นไป โดยแจ้งปริมาณ และราคาทุก 7 วันอยู่แล้ว หากรายใดไม่แจ้งตามคำประกาศนี้ให้ถือว่าทำผิดต่อกฎหมายซึ่งมีโทษจำคุกและโทษปรับอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ตนยังได้กำชับให้กรมการค้าภายในตรวจเช็ครายละเอียดผู้ประกอบสินค้าทุกกรณี หากจะขอปรับขึ้นสินค้าในขณะนี้ไม่ได้โดยเด็ดขาด หากแจ้งเรื่องขอปรับเข้ามาไม่สมเหตุสมผลก็จะไม่อนุมัติให้มีการปรับราคาสินค้าขึ้น ซึ่งในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตนได้สั่งเบรกและขอให้สินค้านั้นตรึงไปหลายรายการด้วยกัน เช่น ไข่ ไก่ ซอสปรุงรส มาม่า เครื่องใช้ไฟฟ้า และอีกหลายรายการ ดังนั้น หากรายการสินค้าใดที่จะมาขอปรับเพิ่มขึ้นในตอนนี้ ยังเห็นว่าไม่กระทบต่อต้นทุนมากก็ควรตรึงสินค้าไปก่อนและหากเห็นว่าแบรรับต้นทุนไม่ได้ให้เสนอแผนให้กรมการค้าภายในได้พิจารณาก่อน แต่หากไปปรับขึ้นสินค้าก่อนได้รับอนุมัติให้ถือว่าได้กระทำผิดต่อกฎหมายทันที.-สำนักข่าวไทย