ธ.ทีเอ็มบีธนชาต กำไรสุทธิไตรมาส 4/64 พุ่ง 2,799 ล้านบาท

กรุงเทพฯ 21 ม.ค. – ทีเอ็มบีธนชาต กำไรสุทธิไตรมาส 4/2564 ที่ 2,799 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 127% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรทั้งปี 10,474 ล้านบาท  ตั้งเป้า ปี 65 มุ่งเติบโตทั้งสินเชื่อและเงินฝาก เพิ่มศักยภาพดิจิทัล บริการด้านการเงินครบวงจร


ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) แจ้งผลประกอบการไตรมาส 4 และรอบ 12 เดือน ปี 2564 โดยกำไรสุทธิ 2,799 ล้านบาท ในไตรมาส 4 ปี 2564 เพิ่มขึ้น 19% จากไตรมาสก่อน เป็นผลจากรายได้ที่ปรับตัวดีขึ้นและค่าใช้จ่ายตั้งสำรองฯ ที่ลดลงเนื่องจากสามารถลดอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพลงมาอยู่ที่ 2.81% จาก 2.98% ในไตรมาส 3 ปี 2564 และหากเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2563 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 127% จากค่าใช้จ่ายตั้งสำรองฯ ที่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2563 ซึ่งธนาคารได้ตั้งสำรองฯ สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเพื่อเตรียมการล่วงหน้าสำหรับปี 2564 แต่โดยรวมทั้งปี ธนาคารยังคงตั้งสำรองฯ ในระดับสูงที่ 21,514 ล้านบาท ใกล้เคียงกับ 24,831 ล้านบาท ในปี 2563 ส่งผลให้กำไรสุทธิ ปี 2564 อยู่ที่ 10,474 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อนหน้า

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า สำหรับปี 2564 แม้จะมีความท้าทายจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยืดเยื้อแต่ธนาคารสามารถบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้ตามแผน ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายการรวมธนาคาร ซึ่งเสร็จสมบูรณ์ได้ตามกำหนด หรือเป้าหมายด้านการดำเนินงาน ซึ่งธนาคารยังคงยึดนโยบายการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง ไม่เร่งขยายสินเชื่อ ขณะเดียวกันก็เน้นปรับปรุงคุณภาพพอร์ตสินเชื่อโดยการลดยอดสินเชื่อที่มีคุณภาพค่อนข้างอ่อนแอ ทั้งนี้ ก็เพื่อคงความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงินไว้สร้างการเติบโตเมื่อเศรษฐกิจเอื้ออำนวย 


ซึ่งจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวหลังการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ธนาคารจึงเริ่มกลับมาเติบโตอีกครั้ง โดยขยายฐานเงินฝากเพิ่มขึ้นได้ 1.1% และโตสินเชื่อได้ 0.9% จากไตรมาส 3 ปี 2564 ทั้งนี้ การเติบโตสินเชื่อยังคงเป็นไปตามนโยบายระมัดระวังและเน้นสินเชื่อที่มีหลักประกันเป็นหลัก ได้แก่ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อเช่าซื้อ ด้านรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเช่นกันที่ 4.4% จากไตรมาส 3 ปี 2564 จากทั้งรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ขณะที่ด้านค่าใช้จ่ายนั้น ธนาคารสามารถรับรู้ผลประโยชน์ด้านต้นทุนจากการรวมกิจการได้ตามแผนและรักษาวินัยด้านค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้เป็นไปตามกรอบเป้าหมาย

ทั้งนี้ แม้การดำเนินนโยบายระมัดระวังจะส่งผลให้ภาพรวมสินเชื่อปี 2564 ลดลง 1.5% เมื่อเทียบกับปี 2563 แต่ในเชิงคุณภาพนั้นถือได้ว่าดีขึ้น บ่งบอกได้จากผลรวมของสินเชื่อชั้นที่ 2 หรือ สินเชื่อที่มีความเสี่ยงด้านเครดิต และสินเชื่อชั้น 3 หรือ สินเชื่อด้อยคุณภาพที่ลดลงกว่า 7 พันล้านบาท หรือ ประมาณ 4.4% จากสิ้นปีที่แล้ว ซึ่งท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่กลับไปสู่ภาวะปกติ ธนาคารก็จะยังคงให้ความสำคัญกับการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ต่อไป

สำหรับรายละเอียดผลการดำเนินงานหลักของปี 2564 เงินฝากอยู่ที่ 1,339 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.1% จากไตรมาส 3 ปี 2564 มาจากเงินฝากลูกค้ารายย่อยและสอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของสินเชื่อ แต่ลดลง 2.5% จากปี 2563 สาเหตุหลักมาจากเงินฝากประจำที่ปรับตัวลดลงตามกลยุทธ์การปรับโครงสร้างเงินฝากหลังการรวมกิจการ รวมถึงการบริหารเงินฝากให้สอดคล้องกับทิศทางสินเชื่อที่ชะลอตัว


ทั้งนี้ สินเชื่ออยู่ที่ 1,372 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.9% จากไตรมาส 3 ปี 2564 เติบโตจากทั้งสินเชื่อรายย่อยและสินเชื่อลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ แต่ชะลอลง 1.5% เมื่อเทียบกับปี 2563 เนื่องจากธนาคารมีการเติบโตสินเชื่ออย่างระมัดระวัง จึงทำให้ยอดสินเชื่อใหม่น้อยกว่ายอดสินเชื่อชำระคืน อีกทั้งมีการปรับปรุงคุณภาพพอร์ตโดยการลดยอดสินเชื่อที่ค่อนข้างอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของสินเชื่อที่อยู่ภายใต้โปรแกรมให้ความช่วยเหลือนั้น มีสัดส่วนประมาณ 12% ของพอร์ตสินเชื่อรวม ทรงตัวจากไตรมาส 3 ปี 2564 โดยคุณภาพของพอร์ตยังเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้

รายได้จากการดำเนินงานในปี 2564 อยู่ที่ 65,537 ล้านบาท ชะลอลง 5.5% จากปีก่อน สะท้อนผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในปี 2564 อยู่ที่ 31,219 ล้านบาท ลดลง 3.0% การลดลงดังกล่าวเป็นผลจากการรับรู้ประโยชน์จากการรวมกิจการด้านต้นทุนและการมีวินัยด้านค่าใช้จ่าย จึงทำให้ค่าใช้จ่ายลดลงได้ แม้ว่าเป็นปีที่มีกระบวนการรวมกิจการ (Integration) และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 48% 

ด้านคุณภาพสินทรัพย์ สินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 42,121 ล้านบาท ลดลงจาก 44,411 ล้านบาทในไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้นจาก 39,594 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2563 ในส่วนของอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม โดยอยู่ที่ 2.81% ในไตรมาส 4 ปี 2564 ลดลงจาก 2.98% ในไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้นจาก 2.50% ณ สิ้นปี 2563 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่ฐานสินเชื่อชะลอลง ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเป็นไปตามประมาณการและอยู่ในกรอบเป้าหมายของธนาคาร 

ด้านความเพียงพอของเงินกองทุนยังก็อยู่ในระดับสูงและเป็นลำดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรมธนาคาร โดย ณ สิ้นปี 2564 อัตราส่วน CAR และ Tier 1 (เบื้องต้น) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 19.3% และ 15.3% ตามลำดับ ยังคงสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ 11.0% และ 8.5%  

สำหรับปี 2565 ธนาคารตั้งเป้ากลับมาเติบโตทั้งด้านสินเชื่อและเงินฝาก แต่ก็แน่นอนว่าจะเป็นไปอย่างรอบคอบ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ก็ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ ซึ่งหลังการรวมธนาคารและระบบต่าง ๆ เป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์แล้ว ในปีนี้ธนาคารก็พร้อมที่จะเปิดตัวและนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ที่ได้นำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยพัฒนาให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการที่ครบวงจรได้ง่ายและสะดวกขึ้น เพื่อสร้างชีวิตการเงินที่ดีขึ้นให้กับคนไทยทั้งวันนี้และอนาคต พร้อมเดินหน้าต่อยอดธุรกิจควบคู่กับการพัฒนาศักยภาพด้านดิจิทัลต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กระเช้าหลุด ช่างทาสีร่วงตึก 5 ชั้น ตาย 1 สาหัส 1

พัทลุง 2 ส.ค. – เกิดเหตุสลด กระเช้าปลายบูมหลุดจากเครน ช่างทาสีร่วงจากตึก 5 ชั้น เสียชีวิต 1 เจ็บสาหัส 1 ที่ไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียน จ.พัทลุง เกิดเหตุสลดกลางไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียนแห่งหนึ่ง ในตำบลควนมะพร้าว อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อกระเช้าที่ผูกติดกับหัวเครนเกิดหัก หลุดจากตึกสูง 5 ชั้น ส่งผลให้ช่างทาสี 2 คน ที่อยู่บนกระเช้าร่วงตกลงกระแทกพื้น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันที 1 คน คือ นายธวัชชัย อายุ 36 ปี และนายชุติเดช อายุ 43 ปี บาดเจ็บสาหัส ขาทั้งสองข้างหักละเอียด แขนซ้ายหักผิดรูป เจ้าหน้าที่เร่งให้การช่วยเหลือก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลพัทลุงอย่างเร่งด่วน ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า คนงานทั้ง 2 เป็นช่างทาสี ได้ขึ้นกระเช้าเหล็กเพื่อขึ้นไปทาสีบริเวณชั้น 5 ของอาคาร ซึ่งมีความสูงประมาณ 26 เมตร แต่ด้วยน้ำหนักของคนงานทั้งสองคน […]

รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง

ทำเนียบ 2 ส.ค.-รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง ด้วยพยานหลักฐานทุกมิติ ต่อประชาคมโลกผ่าน OSCE-เวทีระดับสูงด้านความมั่นคงของยุโรป ยืนยันหลักสันติวิธี ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ และตอกย้ำว่าการปกป้องประชาชนจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาเป็นสิทธิโดยชอบตามกฎหมายสากล พร้อมใช้โอกาสนี้ขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงในระดับภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ ศบ.ทก. เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าบทบาทของประเทศไทย ในเวทีระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อสื่อสารข้อเท็จจริงและแสดงท่าทีอย่างตรงไปตรงมาต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ถึงวานนี้ (1 สิงหาคม 2568) ที่ผ่านมา ไทยได้เข้าร่วมการประชุม Helsinki+50 ในกรอบองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe: OSCE) ณ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยมี นางครองขนิษฐ รักษ์เจริญ อธิบดีกรมยุโรป เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม โดยในช่วงของการกล่าวถ้อยแถลง หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้ย้ำท่าทีของไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า “ไทยยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ หลักมนุษยธรรมสากล และหลักการของ Helsinki Final […]

EOD เก็บกู้ระเบิดฝังอยู่ใกล้ปั๊มที่ถูกกัมพูชายิงใส่

ศรีสะเกษ 2 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายหัวระเบิด HE ของจรวด BM 21 ที่ฝังอยู่บนถนนกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ใกล้กับปั๊มน้ำมันที่ถูกกัมพูชายิงใส่ร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD เริ่มเตรียมความพร้อมเพื่อทำลายระเบิดที่ฝังอยู่ในถนน บ้านน้ำเย็น-บ้านผือ ฝั่งมุ่งหน้าเขาพระวิหาร ในพื้นที่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นระเบิดที่ฝั่งกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือน โดยจุดที่ระเบิดถูกฝังบนถนนอยู่ห่างจากปั๊ม ปตท. บ้านผือ ไม่ถึง 1 กิโลเมตร เป็นระเบิดที่ถูกยิงมาในวันที่ 24 กรกฎาคม พร้อมกับเหตุการณ์ยิงกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊ม จนมีผู้เสียชีวิต 8 ราย เจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายมาทำเป็นบังเกอร์ล้อมรอบจุดที่ระเบิดฝังอยู่ในถนน เจ้าหน้าที่ชุดจากตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ตำรวจ ตชด.ที่ 22 อุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย หรือ TMAC โดยมีการปิดถนนรัศมี 1 กิโลเมตร […]

กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธไฮเทคสำหรับยิงโดรน

นครราชสีมา 2 ส.ค.-กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้ทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เรียบร้อยแล้ว ด้านชาวอุดรธานี แห่บริจาคหนังสติ๊กพร้อมลูกแก้ว ตามที่ทหารขอมาจำนวนมาก หลังทหารกัมพูชายังก่อกวน ยั่วยุ ทั้งขว้างก้อนหินใส่ และมีโดรนปริศนามาบินอีก จากกรณีที่ช่วงนี้ มีการตรวจพบโดรนไม่ทราบฝ่าย เข้ามาบินตรวจการณ์ในพื้นที่ที่ตั้งทางทหาร ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวล และสงสัยว่าอาจเป็นภัยคุกคามร้ายแรงจากประเทศเพื่อบ้าน ที่กำลังมีปัญหาระหว่างประเทศกับประเทศไทย ทำให้เมื่อวานเพจกองทัพภาคที่ 2 ได้แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้มีการทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวานนี้ (1 ส.ค.68) เฟซบุ๊กเพจ กองทัพภาคที่2 ได้แชร์ข้อมูลเพจ SMART Soldiers Strong ARMY พร้อมระบุข้อความว่า “หากศัตรูซ่อนตัวในเงามืด เราจะเป็นแสงที่มองเห็นมันก่อนใคร”เลเซอร์พร้อมยิง — ทหารไทยพร้อมรบโดยอาวุธชนิดนี้ คือ Directed Energy Weapon หรือ (DEW) เป็นอาวุธยุคใหม่ที่กองทัพอากาศไทยพัฒนาขีดความสามารถอย่างต่อเนื่อง […]