ธ.ทีเอ็มบีธนชาต กำไรสุทธิไตรมาส 4/64 พุ่ง 2,799 ล้านบาท

กรุงเทพฯ 20 ม.ค. – ทีเอ็มบีธนชาต กำไรสุทธิไตรมาส 4/2564 ที่ 2,799 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 127% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรทั้งปี 10,474 ล้านบาท ตั้งเป้าปี 65 มุ่งเติบโตทั้งสินเชื่อและเงินฝาก เพิ่มศักยภาพดิจิทัล บริการด้านการเงินครบวงจร


ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือทีเอ็มบีธนชาต (ttb) แจ้งผลประกอบการไตรมาส 4 และรอบ 12 เดือน ปี 2564 โดยกำไรสุทธิ 2,799 ล้านบาท ในไตรมาส 4 ปี 2564 เพิ่มขึ้น 19% จากไตรมาสก่อน เป็นผลจากรายได้ที่ปรับตัวดีขึ้นและค่าใช้จ่ายตั้งสำรองฯ ที่ลดลง เนื่องจากสามารถลดอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพลงมาอยู่ที่ 2.81% จาก 2.98% ในไตรมาส 3 ปี 2564 และหากเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2563 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 127% จากค่าใช้จ่ายตั้งสำรองฯ ที่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2563 ซึ่งธนาคารได้ตั้งสำรองฯ สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อเตรียมการล่วงหน้าสำหรับปี 2564 แต่โดยรวมทั้งปี ธนาคารยังคงตั้งสำรองฯ ในระดับสูงที่ 21,514 ล้านบาท ใกล้เคียงกับ 24,831 ล้านบาท ในปี 2563 ส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 10,474 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อนหน้า

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า สำหรับปี 2564 แม้จะมีความท้าทายจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยืดเยื้อ แต่ธนาคารสามารถบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้ตามแผน ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายการรวมธนาคาร ซึ่งเสร็จสมบูรณ์ได้ตามกำหนด หรือเป้าหมายด้านการดำเนินงาน ซึ่งธนาคารยังคงยึดนโยบายการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง ไม่เร่งขยายสินเชื่อ ขณะเดียวกันก็เน้นปรับปรุงคุณภาพพอร์ตสินเชื่อ โดยการลดยอดสินเชื่อที่มีคุณภาพค่อนข้างอ่อนแอ ทั้งนี้ เพื่อคงความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงินไว้สร้างการเติบโตเมื่อเศรษฐกิจเอื้ออำนวย


จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวหลังการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ธนาคารจึงเริ่มกลับมาเติบโตอีกครั้ง โดยขยายฐานเงินฝากเพิ่มขึ้นได้ 1.1% และโตสินเชื่อได้ 0.9% จากไตรมาส 3 ปี 2564 ทั้งนี้ การเติบโตสินเชื่อยังคงเป็นไปตามนโยบายระมัดระวังและเน้นสินเชื่อที่มีหลักประกันเป็นหลัก ได้แก่ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อเช่าซื้อ ด้านรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเช่นกันที่ 4.4% จากไตรมาส 3 ปี 2564 จากทั้งรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ขณะที่ด้านค่าใช้จ่ายนั้น ธนาคารสามารถรับรู้ผลประโยชน์ด้านต้นทุนจากการรวมกิจการได้ตามแผน และรักษาวินัยด้านค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้เป็นไปตามกรอบเป้าหมาย

ทั้งนี้ แม้การดำเนินนโยบายระมัดระวังจะส่งผลให้ภาพรวมสินเชื่อปี 2564 ลดลง 1.5% เมื่อเทียบกับปี 2563 แต่ในเชิงคุณภาพนั้นถือได้ว่าดีขึ้น บ่งบอกได้จากผลรวมของสินเชื่อชั้นที่ 2 หรือสินเชื่อที่มีความเสี่ยงด้านเครดิต และสินเชื่อชั้น 3 หรือสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ลดลงกว่า 7,000 ล้านบาท หรือประมาณ 4.4% จากสิ้นปีที่แล้ว ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่กลับไปสู่ภาวะปกติ ธนาคารจะยังคงให้ความสำคัญกับการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ต่อไป

สำหรับรายละเอียดผลการดำเนินงานหลักของปี 2564 เงินฝากอยู่ที่ 1,339 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.1% จากไตรมาส 3 ปี 2564 มาจากเงินฝากลูกค้ารายย่อยและสอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของสินเชื่อ แต่ลดลง 2.5% จากปี 2563 สาเหตุหลักมาจากเงินฝากประจำที่ปรับตัวลดลงตามกลยุทธ์การปรับโครงสร้างเงินฝากหลังการรวมกิจการ รวมถึงการบริหารเงินฝากให้สอดคล้องกับทิศทางสินเชื่อที่ชะลอตัว


ทั้งนี้ สินเชื่ออยู่ที่ 1,372 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.9% จากไตรมาส 3 ปี 2564 เติบโตจากทั้งสินเชื่อรายย่อยและสินเชื่อลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ แต่ชะลอลง 1.5% เมื่อเทียบกับปี 2563 เนื่องจากธนาคารมีการเติบโตสินเชื่ออย่างระมัดระวัง จึงทำให้ยอดสินเชื่อใหม่น้อยกว่ายอดสินเชื่อชำระคืน อีกทั้งมีการปรับปรุงคุณภาพพอร์ตโดยการลดยอดสินเชื่อที่ค่อนข้างอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของสินเชื่อที่อยู่ภายใต้โปรแกรมให้ความช่วยเหลือนั้น มีสัดส่วนประมาณ 12% ของพอร์ตสินเชื่อรวม ทรงตัวจากไตรมาส 3 ปี 2564 โดยคุณภาพของพอร์ตยังเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้

รายได้จากการดำเนินงานในปี 2564 อยู่ที่ 65,537 ล้านบาท ชะลอลง 5.5% จากปีก่อน สะท้อนผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในปี 2564 อยู่ที่ 31,219 ล้านบาท ลดลง 3.0% การลดลงดังกล่าวเป็นผลจากการรับรู้ประโยชน์จากการรวมกิจการด้านต้นทุนและการมีวินัยด้านค่าใช้จ่าย จึงทำให้ค่าใช้จ่ายลดลงได้ แม้ว่าเป็นปีที่มีกระบวนการรวมกิจการ (Integration) และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 48%

ด้านคุณภาพสินทรัพย์ สินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 42,121 ล้านบาท ลดลงจาก 44,411 ล้านบาทในไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้นจาก 39,594 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2563 ในส่วนของอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม โดยอยู่ที่ 2.81% ในไตรมาส 4 ปี 2564 ลดลงจาก 2.98% ในไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้นจาก 2.50% ณ สิ้นปี 2563 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่ฐานสินเชื่อชะลอลง ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเป็นไปตามประมาณการและอยู่ในกรอบเป้าหมายของธนาคาร

ด้านความเพียงพอของเงินกองทุนยังก็อยู่ในระดับสูงและเป็นลำดับต้นๆ ของอุตสาหกรรมธนาคาร โดย ณ สิ้นปี 2564 อัตราส่วน CAR และ Tier 1 (เบื้องต้น) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 19.3% และ 15.3% ตามลำดับ ยังคงสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ 11.0% และ 8.5%

สำหรับปี 2565 ธนาคารตั้งเป้ากลับมาเติบโตทั้งด้านสินเชื่อและเงินฝาก แต่แน่นอนว่าจะเป็นไปอย่างรอบคอบ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ ซึ่งหลังการรวมธนาคารและระบบต่างๆ เป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์แล้ว ในปีนี้ธนาคารพร้อมจะเปิดตัวและนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่ได้นำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยพัฒนาให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการที่ครบวงจรได้ง่ายและสะดวกขึ้น เพื่อสร้างชีวิตการเงินที่ดีขึ้นให้กับคนไทยทั้งวันนี้และอนาคต พร้อมเดินหน้าต่อยอดธุรกิจควบคู่กับการพัฒนาศักยภาพด้านดิจิทัลต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง-ตกหนักบางแห่ง

กทม. 3 มิ.ย.- กรมอุตุฯ เตือนมรสุมพัดปกคลุมประเทศไทย ส่งผลให้ยังมีฝนฟ้าคะนองและตกหนักบางแห่ง ทะเลอันดามันคลื่นสูง 2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” ปัดขัดแย้งกองทัพ ปมปิดด่าน

2 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ปัดขัดแย้งกองทัพ ปมปิดด่าน ลั่นมีเอกภาพ แจงรัฐบาลเชื่อมั่นท่าที 2 ประเทศลดความรุนแรงได้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม โพสต์ข้อความชี้แจงทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าเรียน สื่อมวลชน ทุกท่าน ตามที่มีข่าวกระจายกันในแวดวงสื่อสังคมออนไลน์ เรื่องความขัดแย้งระหว่างฝ่ายการเมืองกับฝ่ายทหาร ในการจัดการปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดต่อปัญหาการจัดการระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการปิดด่านชายแดน ผมขอยืนยันว่า ผมกับกองทัพได้หารือร่วมกันหลายครั้ง และเห็นตรงกันว่าสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลทั้งสองประเทศต่างพยายามหาทางออกในการคลี่คลายวิกฤติ โดยยึดผลประโยชน์ประชาชนและอธิปไตยของชาติเป็นสำคัญ เราจึงกำหนดขอบเขตในการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และพยายามลดเงื่อนไขที่จะระงับยับยั้งมิให้เหตุการณ์ความขัดแย้งขยายตัวมากไปกว่านี้ สำหรับเรื่องการปิดชายแดนขณะนี้ รัฐบาลเห็นว่าท่าทีและการแสดงออกของทั้งสองประเทศ ยังเป็นการแสดงออกที่สามารถลดระดับความรุนแรงได้ เพราะการปิดด่านชายแดนแม้ไม่ใช่เรื่องการสู้รบทางตรง แต่กลับจะเกิดปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ที่จะกระทบกับวิถีชีวิตประชาชน ทำให้สถานการณ์ยากต่อการคลี่คลาย แต่ขณะเดียวกัน กองทัพก็ตั้งอยู่ในความระมัดระวังและไม่ได้ละเลยในการปกป้องตนเองและอธิปไตยเหนือดินแดน ขณะนี้รัฐบาล ร่วมกับกำลังเหล่าทัพและกระทรวงต่างประเทศ กำลังใช้กลไก JBC เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาตามขั้นตอนอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้เกิดเวทีถกเถียงตามข้อเท็จจริงตามกฎหมาย ผมจึงขอเรียนชี้แจงยืนยันว่า รัฐบาลและกองทัพมีความเป็นเอกภาพ และมีพันธะสัญญาที่มั่นคงในการรักษาความสงบสุขให้ประชาชนได้รับประโยชน์ และความปลอดภัยมากที่สุด ขอให้มั่นใจว่าเราจะหลีกเลี่ยงการยกระดับความขัดแย้งที่จะนำไปสู่ความสูญเสียทั้งสองฝ่ายในทุกด้าน ที่ผ่านมา เราร่วมกันใช้ความพยายามอย่างยิ่ง ทั้งการประชุม หารือ […]

แผ่นดินไหวเชียงใหม่ ขนาด 4.5 รอยเลื่อนแม่ทาขยับ

เชียงใหม่ 2 มิ.ย.- ระทึก! แผ่นดินไหว ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ลึก 1 กม. ประชาชนแจ้งรู้สึกสั่นไหว 4 จังหวัด สาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง แผ่นดินไหวที่ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ฉบับที่ 1/2568 กอง​เฝ้า​ระวัง​แผ่นดินไหว​ กรม​อุตุนิยม​วิทยา​รายงาน​ว่า​ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2568 เวลา 14.07 น. เกิดแผ่นดินไหว จุดศูนย์กลางอยู่บริเวณ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ความลึก 1 กิโลเมตร ได้รับแจ้งรู้สึกสั่นไหวบริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ พะเยา ลำปาง และแม่ฮ่องสอน โดยสาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สั่งการอำเภอพร้าว และอำเภอใกล้เคียง ลงพื้นที่ตรวจสอบผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตและความเสียหาย […]

ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง

2 มิ.ย.- ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง ย่านท่าเรือคลองเตย ส่วนคนขับรถชน รปภ. เสียชีวิต โดนฆ่าคนตาย เพิ่มอีก 1 ข้อหา 13.00 น. ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา การดำเนินคดี 6 ทรชนผู้ก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้าของกลางของกรมศุลกากรและก่อเหตุถอยรถตู้พุ่งชนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียชีวิต โดย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ข้อมูลว่า ศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับทั้ง 6 คนถูกดำเนินคดีในข้อหา 4 ข้อหา ในแก่ ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นการจับกุม ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย และกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และซ่องโจร ขณะที่นายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ ถูกดำเนินคดีเพิ่มอีกหนึ่งข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดของตนหรือหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนกระทำไว้ ทั้งนี้ หลังศาลอนุมัติออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว […]