นนทบุรี 20 ม.ค.-คณะทำงานติดตามสถานการณ์ราคาสินค้า (วอร์รูม) ประชุมนัดแรกติดตามสินค้า 6 รายการ แต่มีแพงจริงแค่เนื้อหมู พร้อมตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจปูพรมออกตรวจเช็กสินค้าทั่วประเทศ เจอพฤติกรรมโกงใช้กฎหมายแน่
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์กล่าวภายหลังการประชุมคณะทำงานติดตามสถานการณ์ราคาสินค้า (วอร์รูม) นัดแรกหลังจากที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เซ็นคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานชุดนี้อย่างเป็นทางการ โดยที่ประชุมได้รับทราบผลการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าบริโภคใน 6 รายการ ประกอบด้วย เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัว เป็ด ปลาและมะละกอ ซึ่งมีข่าวว่ามีการปรับราคาสูงขึ้นในช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่จนถึงขณะนี้ และจากการติดตามและรายงานของกรมการค้าภายในทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยสินค้าทั้ง 6 รายการดังกล่าว ปรากฎว่าสินค้าที่มีราคาแพงมากได้แก่ เนื้อหมู เป็นที่ทราบขณะนี้ปริมาณหมูในระบบเหลือน้อยทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น แต่ขณะนี้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งหาวิธีแก้ไขเพื่อลดผลกระทบให้กับประชาชนทั้งประเทศเพื่อให้ราคาเนื้อหมูไม่แพงจนเกินไป
ส่วนเนื้อไก่ราคาส่วนใหญ่ไม่ได้ปรับตัวสํงขึ้นไปมากนักเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยขยับราคาเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 4 จากปัญหาเนื้อหมูมีราคาสูงคนส่วนใหญ่จึงหันไปบริโภคเนื้อไก่แทน และทางการได้ขอความร่วมมือกับผู้เลี้ยงไก่ให้ช่วยตรึงราคาขณะนี้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง รวมถึงราคาเนื้อวัวก็ไม่ได้มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นแต่อย่างใดแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะไปหาซื้อเนื้อวัวบริโภคทดแทนราคาเนื้อหมูสูงขึ้นเช่นกัน
ส่วนปลาและเป็ดโดยรวมไม่ว่าจะเป็นปลานิลหรือชนิดอื่นๆก็ไม่ได้มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น ยกเว้นจากที่มีสื่อบางพื้นที่รายงานว่า มะละกอที่นำไปใช้บริโภคอาหารส้มตำ มีราคาต่อถุง 10 กิโลกรัมกว่า 200-280 บาท ในหลายจังหวัด เช่น เพชรบูรณ์ ศรีสะเกษ มหาสารคามโดยได้ตรวจสอบแล้ว ราคามะละกอไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมากนัก ราคาที่ได้ตรวจเช็คหลายพื้นที่มีการจำหน่ายมะละกอต่อถุงขนาด 10 กิโลกรัมราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 140-180 บาท ซึ่งอาจจะสูงขึ้นเล็กน้อยจากช่วงคนที่กลับบ้านในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ได้ฉลองปีใหม่กัน ซึ่งราคาไม่ได้สูงไปมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์จะเฝ้าติดตามราคาสินค้าทั้ง 6 รายการดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และคณะทำงานจะให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์จัดตั้งคณะตรวจสอบราคาสินค้าเฉพาะขึ้นมา ซึ่งเวลานี้เจ้าหน้าที่จากกรมการค้าภายในอาจจะไม่เพียงพอที่จะออกตรวจสอบราคาสินค้าโดยเฉพาะในกรุงเทพฯที่มีอยู่ถึง 50 เขต ดังนั้น จะให้ทุกหน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์จะชุดออกตรวจราคาสินค้าโดยจะเป็นชุดเฉพาะกิจที่จะลงไปดูและตรวจสอบการติดป้ายแสดงราคาสินค้าและตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคในทุกเขตทั่วกรุงเทพมหานคร
รวมไปถึงในต่างจังหวัดก็จะให้พาณิชย์จังหวัดร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดจัดชุดสำรวจสินค้าตามพื้นที่ในแต่ละจังหวัดเช่นกัน โดยหากพื้นที่ไหนมีการโกงราคาและเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคจะถูกดำเนินคดีทางกฎหมายทันทีและหากประชาชนพบเห็นร้องเรียนสายด่วน 1569 ได้ โดยผู้ร้องเรียนสามารถแต้งพฤติกรรมของผู้ค้าที่เอาเปรียบได้ทันที.-สำนักข่าวไทย