กรุงเทพฯ 17 ม.ค. – อธิบดีกรมปศุสัตว์สั่งทุกจังหวัดคุมเข้มการเคลื่อนย้าย “หมูมีชีวิต” เพื่อให้การควบคุมโรค ASF มีประสิทธิภาพสูงสุดและจะเป็นหลักฐานสำคัญในการขอคืนสถานภาพปลอดโรคจาก OIE โดยเร็ว หลังจากโรคสงบ ล่าสุดพบโรคแล้ว 3 พื้นที่
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวว่า ให้ปศุสัตว์ทุกพื้นที่ทั่วประเทศประสานกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น กํานัน-ผู้ใหญ่บ้านตรวจสอบคุณภาพการเลี้ยงสุกรในฟาร์ม โรงฆ่าสัตว์ จนถึงเขียงหมู รวมทั้งร่วมกับพาณิชย์จังหวัดตรวจสอบห้องเย็นเพื่อป้องกันการกักตุนสินค้าก่อนถึงเทศกาลตรุษจีนนี้
นอกจากนี้ให้ติดตามพื้นที่ที่ทราบว่า มีการระบาดของโรค หากพบโรคที่จุดใดให้รายงานโรคตามระบบรายงานโรคระบาดในสกุรและแจ้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อสอบสวนโรคทางระบาดวิทยาและควบคุมโรคโดยเร็ว ตามขั้นตอน หลังจากพบโรค ปศุสัตว์พื้นที่จะประกาศเขตโรคระบาดและควบคุมการเคลื่อนย้ายในรัศมี 5 กิโลเมตรจากจุดเกิดโรค โดยผู้เลี้ยงต้องทำใบขออนุญาตเคลื่อนย้ายทุกครั้งเนื่องจากต้องตรวจคัดกรองโรคก่อนเคลื่อนย้ายทุกครั้งในพื้นที่ประกาศเขตโรคระบาดสัตว์ ใบขออนุญาตเคลื่อนย้ายจะระบุจำนวนสุกร ต้นทางและปลายทาง โดยย้ำว่า การบังคับใช้กฎหมายในการควบคุมป้องกันและเคลื่อนย้ายสัตว์จะเป็นไปด้วยความโปร่งใส ไม่สร้างความเดือดร้อนหรือเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายแก่เกษตรกร
ทั้งนี้ใบขออนุญาตเคลื่อนย้ายจะเป็นสิ่งบ่งชี้ถึงสถานการณ์โรคในแต่ละพื้นที่เพื่อให้สามารถควบคุมโรคได้จนกว่าจะสงบ โดยจะเป็นหลักฐานสำคัญในการแจ้งต่อองค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (OIE) ว่า ไทยปฏิบัติตามข้อกำหนด ตามหลักวิชาการ และตามมาตรฐานสากล เพื่อให้ขอคืนสถานภาพปลอดโรคได้โดยเร็ว
จากรายงานการพบโรค ASF ที่มายังห้องปฏิบัติการป้องกันและควบคุมโรค ASF ของกรมปศุสัตว์ถึงเช้าวันนี้ (17 ม.ค.) พบ 3 พื้นที่ โดยพบแห่งแรกที่โรงฆ่าในต. บ่อพลับ อ. เมือง จ. นครปฐมซึ่งเป็นที่มาของการประกาศพบโรคเมื่อวันที่ 11 ม.ค. ต่อมาพบอีก 2 พื้นที่คือ ที่เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ และที่ต. หนองสาหร่าย อ. ดอนเจดีย์ จ. สุพรรณบุรีโดยพบในฟาร์มของเกษตรกรรวม 2 ราย ขณะนี้มีสุกรป่วยรวม 6 ตัว ตาย 3 ตัว แต่ยังไม่มีการทำลายสุกร.-สำนักข่าวไทย