fbpx

“ศักดิ์สยาม” ลุยรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนน “ปีใหม่ปลอดโควิด-19”

กรุงเทพฯ 28 ธ.ค. – รมว.คมนาคม เปิดโครงการรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนน “ปีใหม่ปลอดโควิด 19 – ปลอดอุบัติเหตุทางถนน” โดยปีนี้ประมาณการว่าจะมีปริมาณการเดินทางเข้า-ออกกรุงเทพฯ ด้วยรถยนต์ 8 ล้านคัน และระบบขนส่งสาธารณะ 1.7 ล้านเที่ยว


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดโครงการรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนน “ปีใหม่ปลอดโควิด 19 – ปลอดอุบัติเหตุทางถนน” จัดโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับ พร้อมทั้งปล่อยแถวตำรวจรถไฟ เพื่อปฏิบัติงานดูแลความปลอดภัยประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตรวจวัดแอลกอฮอล์พนักงานขับรถไฟ ก่อนปฏิบัติหน้าที่นำขบวนรถไฟออกจากสถานีหัวลำโพง โดยมี นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ รายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน และนางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายจิรุตม์ วิศาลจิตร ประธานคณะกรรมการการรถไฟฯ นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยและความสะดวกในการเดินทางของประชาชน โดยกำหนดเป้าหมายเพื่อลดจำนวนการเกิดอุบัติเหตุทางถนน อันเป็นสาเหตุหลักของการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ของทุกปีที่ประชาชนมีการเดินทางกันเป็นจำนวนมาก และการเดินทางด้วยระบบราง ทางรถไฟ ซึ่งจะต้องบูรณาการเฝ้าระวังตามจุดตัดต่างๆ ที่มีรถไฟผ่าน


จากสถิติในช่วงเทศกาลปีใหม่ครั้งที่ผ่านมา พบว่า คนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ จำนวน 392 คน และบาดเจ็บ จำนวน 3,326 คน โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 15-25 ปี ซึ่งนับได้ว่าเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต ในช่วงปีใหม่นี้ กระทรวงคมนาคม ได้กำหนดนโยบายอำนวยความสะดวกในการบริการขนส่งสาธารณะ และโครงข่ายคมนาคมอย่างบูรณาการ ทั้งทางบก ราง น้ำ และอากาศ โดยยึดหลัก “เดินทางสะดวก ปลอดภัย ห่างไกล COVID-19” ซึ่งประมาณการไว้ว่าจะมีปริมาณการเดินทางเข้า-ออกกรุงเทพมหานคร ด้วยรถยนต์ 8 ล้านคัน และระบบขนส่งสาธารณะ 1.7 ล้านเที่ยว ซึ่งเพื่อให้ประชาชนเดินทางถึงที่หมายโดยสะดวกและปลอดภัย ได้มอบนโยบายและสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม เตรียมความพร้อม กำกับดูแลการให้บริการ มาตรฐานความปลอดภัย และแจ้งข้อมูลข่าวสารที่สำคัญในการเดินทางให้แก่ประชาชนล่วงหน้า

นอกจากนี้ ได้ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงถนนให้มีความสะดวกและปลอดภัย โดยการปิดจุดกลับรถ จุดเสี่ยง ป้องกันอุบัติเหตุจากรถข้ามเกาะกลาง จัดทำป้ายเตือน พื้นที่ก่อสร้าง ทางโค้ง ทางแยกอันตราย ให้ชัดเจน เฝ้าระวังจุดตัดรถไฟกับถนน และคืนพื้นผิวจราจรบริเวณพื้นที่ก่อสร้างให้ประชาชนสามารถสัญจรได้อย่างสะดวกปลอดภัย พร้อมเน้นย้ำและให้ความสำคัญกับการรณรงค์สร้างการใส่ใจในประชาชน ใส่ใจตนเอง และใส่ใจต่อผู้ร่วมทาง โดยการรักษากฎจราจร ขับขี่อย่างมีน้ำใจ ใช้อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย เช่น เข็มขัดนิรภัย หรือหมวกนิรภัย ตลอดการเดินทาง และที่สำคัญคือ เมาไม่ขับ และง่วงต้องพัก พร้อมทั้งปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุข เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มงวด เช่น การสวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง และล้างมือบ่อยๆ เป็นต้น

สำหรับการเตรียมการรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2564 – 4 มกราคม 2565 กำชับหน่วยงานในสังกัดบูรณาการร่วมกันอำนวยความสะดวกประชาชน มุ่งให้หน่วยงานและประชาชนเตรียมความพร้อมการเดินทาง โดยวางแผนการเดินทางทั้งขาไปและขากลับ เข้มงวดกวดขันการดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยถือปฏิบัติตามข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และคำสั่ง ศบค. อย่างเคร่งครัด และมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จัดทำแผนการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2565 พร้อมเสนอแนวทางอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยดำเนินการเข้มข้นระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2564 – 4 มกราคม 2565 ระยะเวลารวม 7 วัน ตั้งเป้าหมายการดำเนินการช่วงวันหยุดยาว ดังนี้


(1) บริการระบบขนส่งสาธารณะให้เข้าถึงง่าย เพียงพอ ไม่ล่าช้า ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง ไม่โก่งราคา ไม่ทิ้งผู้โดยสาร และทันกับเหตุการณ์
(2) ให้ความเชื่อมั่นแก่ประชาชนในคุณภาพของการให้บริการขนส่งสาธารณะ ด้วยการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้นและจริงจัง
(3) กำกับและควบคุม ลดจำนวนการเกิดอุบัติเหตุ ลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจากการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565
(4) บริหารจัดการจราจรทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ให้มีความคล่องตัวและไม่ติดขัด
(5) บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทาง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยังได้สั่งการเพิ่มเติมด้วยการเข้มงวดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 พร้อมกันนี้ ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการทำงานร่วมกัน ให้กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท กำกับดูแลการจราจรบริเวณคอขวดและจุดตัดไม่ให้เกิดการติดขัด การตรวจสอบกำกับดูแลความพร้อมการให้บริการรถโดยสารสาธารณะให้ได้มาตรฐานความปลอดภัย พร้อมทั้งจัดเตรียมมาตรการสำหรับบริหารจัดการจราจรบนเส้นทางที่มีการจราจรหนาแน่นติดขัด อาทิ เปิดช่องจราจรพิเศษ ปิดจุดกลับรถ จัดระเบียบแถวจราจรบนถนนที่คาดว่าจะมีปัญหาการจราจร และต้องตรวจสอบกำกับดูแลให้ปลอดภัย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุบนถนน โดยเฉพาะจุดเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน และพื้นที่ก่อสร้างในส่วนของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตระหนักถึงปัญหาอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น จึงได้สนับสนุนมูลนิธิเมาไม่ขับ จัดงานโครงการรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่มาอย่างต่อเนื่อง ด้วยความมุ่งหวังอยากเห็นประชาชนผู้มาใช้บริการและประชาชนทั่วไปได้ตระหนักถึงอันตรายจากการเมาสุราแล้วขับรถ จึงมีมาตรการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์พนักงานเดินรถ พนักงานให้อาณัติสัญญาณ รวมทั้งพนักงานบริการบนขบวนรถไฟ และจัดเจ้าหน้าที่ดูแลทำความสะอาดรถทุกขบวน ตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างสม่ำเสมอ. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

เร่งตรวจสอบเหตุสารเคมีรั่วไหลโรงงานย่านพระราม 2

เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบเหตุสารเคมีรั่วไหลในโรงงานย่านพระราม 2 ควันสีขาวลอยโขมง เบื้องต้นพบเป็นสารไทโอยูเรีย

อุตุฯ เผยไทยตอนบนร้อนจัด แนะเลี่ยงทำงานในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด แนะหลีกเลี่ยงการทำงานหรือการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานาน ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศร้อนจัดบางแห่ง

คดีสะเทือนขวัญ ฆ่าหั่นศพ “ยากูซ่า” จ.นนทบุรี

คดีสะเทือนขวัญ พบชิ้นส่วนมือ ในพื้นที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ล่าสุดตำรวจจับกุมหนึ่งในผู้ต้องหาได้แล้ว และทราบว่าทั้งผู้ตายและผู้ลงมือฆ่าหั่นศพ เป็นแก๊งยากูซ่าชาวญี่ปุ่น

ชาวบ้านร้องโรงงานเก็บสารเคมีเร่งเยียวยาเหตุไฟไหม้

ชาวบ้านที่เดือดร้อนจากเหตุไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมีอุตสาหกรรม จ.ระยอง เรียกร้องโรงงานช่วยเหลือ บอกน้ำสักขวดก็ไม่ได้