“ศักดิ์สยาม” ลุยรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนน “ปีใหม่ปลอดโควิด-19”

กรุงเทพฯ 28 ธ.ค. – รมว.คมนาคม เปิดโครงการรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนน “ปีใหม่ปลอดโควิด 19 – ปลอดอุบัติเหตุทางถนน” โดยปีนี้ประมาณการว่าจะมีปริมาณการเดินทางเข้า-ออกกรุงเทพฯ ด้วยรถยนต์ 8 ล้านคัน และระบบขนส่งสาธารณะ 1.7 ล้านเที่ยว


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดโครงการรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนน “ปีใหม่ปลอดโควิด 19 – ปลอดอุบัติเหตุทางถนน” จัดโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับ พร้อมทั้งปล่อยแถวตำรวจรถไฟ เพื่อปฏิบัติงานดูแลความปลอดภัยประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตรวจวัดแอลกอฮอล์พนักงานขับรถไฟ ก่อนปฏิบัติหน้าที่นำขบวนรถไฟออกจากสถานีหัวลำโพง โดยมี นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ รายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน และนางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายจิรุตม์ วิศาลจิตร ประธานคณะกรรมการการรถไฟฯ นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยและความสะดวกในการเดินทางของประชาชน โดยกำหนดเป้าหมายเพื่อลดจำนวนการเกิดอุบัติเหตุทางถนน อันเป็นสาเหตุหลักของการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ของทุกปีที่ประชาชนมีการเดินทางกันเป็นจำนวนมาก และการเดินทางด้วยระบบราง ทางรถไฟ ซึ่งจะต้องบูรณาการเฝ้าระวังตามจุดตัดต่างๆ ที่มีรถไฟผ่าน


จากสถิติในช่วงเทศกาลปีใหม่ครั้งที่ผ่านมา พบว่า คนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ จำนวน 392 คน และบาดเจ็บ จำนวน 3,326 คน โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 15-25 ปี ซึ่งนับได้ว่าเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต ในช่วงปีใหม่นี้ กระทรวงคมนาคม ได้กำหนดนโยบายอำนวยความสะดวกในการบริการขนส่งสาธารณะ และโครงข่ายคมนาคมอย่างบูรณาการ ทั้งทางบก ราง น้ำ และอากาศ โดยยึดหลัก “เดินทางสะดวก ปลอดภัย ห่างไกล COVID-19” ซึ่งประมาณการไว้ว่าจะมีปริมาณการเดินทางเข้า-ออกกรุงเทพมหานคร ด้วยรถยนต์ 8 ล้านคัน และระบบขนส่งสาธารณะ 1.7 ล้านเที่ยว ซึ่งเพื่อให้ประชาชนเดินทางถึงที่หมายโดยสะดวกและปลอดภัย ได้มอบนโยบายและสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม เตรียมความพร้อม กำกับดูแลการให้บริการ มาตรฐานความปลอดภัย และแจ้งข้อมูลข่าวสารที่สำคัญในการเดินทางให้แก่ประชาชนล่วงหน้า

นอกจากนี้ ได้ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงถนนให้มีความสะดวกและปลอดภัย โดยการปิดจุดกลับรถ จุดเสี่ยง ป้องกันอุบัติเหตุจากรถข้ามเกาะกลาง จัดทำป้ายเตือน พื้นที่ก่อสร้าง ทางโค้ง ทางแยกอันตราย ให้ชัดเจน เฝ้าระวังจุดตัดรถไฟกับถนน และคืนพื้นผิวจราจรบริเวณพื้นที่ก่อสร้างให้ประชาชนสามารถสัญจรได้อย่างสะดวกปลอดภัย พร้อมเน้นย้ำและให้ความสำคัญกับการรณรงค์สร้างการใส่ใจในประชาชน ใส่ใจตนเอง และใส่ใจต่อผู้ร่วมทาง โดยการรักษากฎจราจร ขับขี่อย่างมีน้ำใจ ใช้อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย เช่น เข็มขัดนิรภัย หรือหมวกนิรภัย ตลอดการเดินทาง และที่สำคัญคือ เมาไม่ขับ และง่วงต้องพัก พร้อมทั้งปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุข เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มงวด เช่น การสวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง และล้างมือบ่อยๆ เป็นต้น

สำหรับการเตรียมการรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2564 – 4 มกราคม 2565 กำชับหน่วยงานในสังกัดบูรณาการร่วมกันอำนวยความสะดวกประชาชน มุ่งให้หน่วยงานและประชาชนเตรียมความพร้อมการเดินทาง โดยวางแผนการเดินทางทั้งขาไปและขากลับ เข้มงวดกวดขันการดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยถือปฏิบัติตามข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และคำสั่ง ศบค. อย่างเคร่งครัด และมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จัดทำแผนการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2565 พร้อมเสนอแนวทางอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยดำเนินการเข้มข้นระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2564 – 4 มกราคม 2565 ระยะเวลารวม 7 วัน ตั้งเป้าหมายการดำเนินการช่วงวันหยุดยาว ดังนี้


(1) บริการระบบขนส่งสาธารณะให้เข้าถึงง่าย เพียงพอ ไม่ล่าช้า ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง ไม่โก่งราคา ไม่ทิ้งผู้โดยสาร และทันกับเหตุการณ์
(2) ให้ความเชื่อมั่นแก่ประชาชนในคุณภาพของการให้บริการขนส่งสาธารณะ ด้วยการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้นและจริงจัง
(3) กำกับและควบคุม ลดจำนวนการเกิดอุบัติเหตุ ลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจากการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565
(4) บริหารจัดการจราจรทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ให้มีความคล่องตัวและไม่ติดขัด
(5) บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทาง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยังได้สั่งการเพิ่มเติมด้วยการเข้มงวดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 พร้อมกันนี้ ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการทำงานร่วมกัน ให้กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท กำกับดูแลการจราจรบริเวณคอขวดและจุดตัดไม่ให้เกิดการติดขัด การตรวจสอบกำกับดูแลความพร้อมการให้บริการรถโดยสารสาธารณะให้ได้มาตรฐานความปลอดภัย พร้อมทั้งจัดเตรียมมาตรการสำหรับบริหารจัดการจราจรบนเส้นทางที่มีการจราจรหนาแน่นติดขัด อาทิ เปิดช่องจราจรพิเศษ ปิดจุดกลับรถ จัดระเบียบแถวจราจรบนถนนที่คาดว่าจะมีปัญหาการจราจร และต้องตรวจสอบกำกับดูแลให้ปลอดภัย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุบนถนน โดยเฉพาะจุดเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน และพื้นที่ก่อสร้างในส่วนของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตระหนักถึงปัญหาอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น จึงได้สนับสนุนมูลนิธิเมาไม่ขับ จัดงานโครงการรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่มาอย่างต่อเนื่อง ด้วยความมุ่งหวังอยากเห็นประชาชนผู้มาใช้บริการและประชาชนทั่วไปได้ตระหนักถึงอันตรายจากการเมาสุราแล้วขับรถ จึงมีมาตรการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์พนักงานเดินรถ พนักงานให้อาณัติสัญญาณ รวมทั้งพนักงานบริการบนขบวนรถไฟ และจัดเจ้าหน้าที่ดูแลทำความสะอาดรถทุกขบวน ตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างสม่ำเสมอ. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ยันไทยทำถูกต้องปมรั้วลวดหนามบ้านหนองจาน

ทำเนียบ 26 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ยันกรณีล้อมรั้วลวดหนาม พื้นที่บ้านหนองจาน ไทยทำถูกต้องภายใต้ข้อตกลงหยุดยิง บอกโฆษก ทบ. แจงรายละเอียด นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กัมพูชาใช้มวลชนมากดดัน เพื่อให้ไทยรื้อลวดหนามบริเวณพื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว รัฐบาลจะมีแนวทางอย่างไร ว่า พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงแล้ว ก็เป็นไปตามนั้น ส่วนจะมีการเพิ่มมาตรการอะไรหรือไม่ นายภูมิธรรม ย้ำว่าเป็นไปตามที่โฆษกกองทัพบกได้ชี้แจงไปแล้ว เพราะเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ยังกระทบกันอยู่ ก็แก้ไขปัญหาไปตามสภาพการณ์ เรายืนยันว่าสิ่งที่เราทำถูกต้องแล้ว และทำทุกอย่างภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงที่ประเทศมาเลเซีย .-315 -สำนักข่าวไทย

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสานตอนบน-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนัก-ลมแรง

กรุงเทพฯ 26 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด และระนอง ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและลมแรง ส่วนพายุโซนร้อน “คาจิกิ” คาดอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ก่อนเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ บริเวณ จ.น่าน เย็นวันนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด และระนอง ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ลมแรง และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ปกคลุมบริเวณประเทศลาว ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย […]

จับตา “คาจิกิ” หลายจังหวัดภาคเหนือเตรียมรับมือน้ำท่วมดินถล่ม

25 ส.ค. – หลายจังหวัดทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเคยเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่ทั้งน่าน ชายแดนแม่สาย เชียงราย และเชียงใหม่ ต่างเร่งเตรียมรับมือพายุคาจิกิ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบชัดเจนตั้งแต่พรุ่งนี้ นอกจากเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากแล้ว บางพื้นที่ยังเสี่ยงดินโคลนถล่มด้วย โดยเฉพาะหมู่บ้านใกล้เชิงเขาที่จังหวัดน่าน ซึ่งเกิดดินสไลด์จนกระทบบ้านเรือนนับสิบหลังก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัวออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว .-สำนักข่าวไทย