กรุงเทพฯ 23 ธ.ค.-รองปลัดกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ผู้อำนวยการเขตการเดินรถทุกเขต ขสมก. คุมเข้ม รถเมล์ ต้องปลอดควันดำ หากมีประชาชนร้องเรียน จะถูกนำพิจารณา เป็นดัชนีชี้วัดผลงาน หรือ KPI
นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยผู้บริหารองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก . ลงพื้นที่ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและย่านจตุจักร เพื่อสำรวจดูรถที่มีควันดำ จากการสังเกตด้วยสายตาพบว่า รถเมล์ที่มีควันดำของขสมก. มีจำนวนค่อยข้างน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นรถร่วมบริการที่มีควันดำ ขณะที่วันนี้ ขสมก. สุ่มตรวจรถเมล์บริเวณอู่หมอชิต แต่ไม่พบควันดำ
รองปลัดกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า กำหนดให้ผู้อำนวยการเขตการเดินรถทุกเขต จะต้องดูแลเรื่องควันดำ รวมถึงต้องบริหารสัญญาการซ่อมบำรุงรถอย่างเข้มงวด เนื่องจากขณะนี้มีการตั้งเป็นดัชนีชี้วัดความสำเร็จ (KPI) ในการกำกับดูแล หากประชาชนร้องเรียนผ่านสายด่วนกรมการขนส่งทางบก 1584 และสายด่วน ขสมก. 1348 จะมีการตรวจสอบต่อไป
ส่วนความคืบหน้าจัดหารถเมล์ใหม่นั้น อยู่ระหว่างพิจารณาข้อกฎหมายและระเบียบมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) และ มติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) รวมทั้งตรวจสอบดูแลรายได้จากค่าโดยสาร กับรายจ่ายที่ ขสมก. มีจะต้องเหมาะสมกัน ต้องไม่ทำให้องค์การขาดทุนเพิ่มเติมอีกเด็ดขาด
ทั้งนี้ ปัจจุบัน ขสมก. มีรถโดยสารทั้งสิ้น 2,885 คัน มีอายุการใช้งานเฉลี่ย 25 ปี หลังจากนี้จะต้องดูการพิจารณามติ คนร. และครม. ว่าจะดำเนินการอย่างไร และจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ และต้องไม่ให้เกิดปัญญาอย่างในอดีตที่มีการประมูลรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน ซึ่งมีการประมูลถึง 7 ครั้ง ถึงจะได้รถเหล่านี้มาให้บริการ แต่เมื่อนำมาให้บริการแล้วรถเมล์เอ็นจีวีมีอัตราการเสียมากกว่ารถเมล์ร้อนที่มีอายุ 26 ปี
เบื้องต้นระหว่างการแก้ไขปัญหา ในช่วงที่แผนฟื้นฟูของขสมก.ยังไม่ได้รับการเห็นชอบ จะเร่งจัดหารถเมล์ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งล่าสุด กรมควบคุมมลพิษได้กำหนดค่าควันดำให้อยู่ที่ 30% จากเดิมไม่เกินค่ามาตรฐานอยู่ที่ 45% และในเดือนเมษายนปีหน้า ซึ่งเชื่อว่า ขสมก. สามารถปรับลดค่าควันดำลงมาได้
ด้านนายนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวถึงสถานการณ์มลพิษทางอากาศว่า ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รายงานว่า ฝุ่น PM2.5 พบเกินค่ามาตรฐาน 14 จังหวัด ดังนี้ กทม.ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรปราการ สระบุรี สุพรรณบุรี อยุธยา ราชบุรี สมุทรสงคราม ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง และขอนแก่น ส่วนกทม.-ปริมณฑลวัดได้ 54-102 มคก.ต่อลบ.ม.สูงสุด ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ 103 มค.ต่อลบ.ม. ซึ่งมีค่าดัชนีคุณภาพอากาศระดับสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว
โดยช่วงนี้ปริมาณฝุ่นจะสูงมากขึ้นทุกๆวัน และเข้มที่สุดช่วงวันที่ 25 ธ.ค.นี้ ขึ้นกับสภาพการจราจรและสภาพอากาศจะนิ่งมากหรือไม่ หลังจากนั้นวันที่ 27 ธ.ค.จะเริ่มเบาบางลง เนื่องจากมีลมมาจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ”อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า ตอนนี้ได้ขอความร่วมมือประชาชนเลี่ยงกิจกรรมในที่โล่ง เช่น การออกกำลังกาย และการใช้รถยนต์ โดยเฉพาะจังหวัดรอยต่อกทม.-ปริมณฑล ให้แจ้งงดการเผาในที่โล่ง เพื่อป้องกันฝุ่นพัดพาเข้ามาในกทม. เพราะห่วงว่าค่าฝุ่นจะเริ่มมีผลกระทบในระดับสีแดง แต่ขึ้นกับสภาพการจราจรและสภาพอากาศจะนิ่งมากขึ้นหรือไม่
ด้านนายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เปิดเผยว่า ก่อนออกให้บริการรถจะมีการตรวจควันดำ และได้ปรับปรุงเครื่องยนต์ดีเซลรถโดยสารทุกคันให้สามารถใช้น้ำมันดีเซลบี 20 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.62 เป็นต้นมา เพื่อลดมลพิษและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) รวมทั้งให้เขตการเดินรถที่ 1-8 ตรวจวัดค่าไอเสียรถโดยสารเครื่องยนต์ดีเซลทุกคัน ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานก่อนนำรถออกวิ่งให้บริการประชาชน
สำหรับรถเมล์ใหม่ จะเน้นรถที่ลดมลพิษ ใช้พลังงานสะอาด ซึ่งจะเน้นรถเมล์เช่าซื้อ เนื่องจากเป็นการจัดหาในช่วงระยะสั้น 2 ปี ระหว่างที่รอการพิจารณาแผนฟื้นฟูขสมก. และขณะนี้ยอมรับว่า ขสมก. ขาดรถจำนวนมาก รวมถึงพนักงานที่มีไม่เพียงพอ การบริการจ้างเหมาจึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะจะแก้ปัญหาทั้งรถและคนได้แล้ว ยังแก้ปัญเรื่องแบกรับภาระต้นทุนค่าซ่อม ซึ่งปัจจุบัน ขสมก.ต้องแบกรับภาระค่าซ่อมบำรุง 1,600 ล้านบาทต่อปี.-สำนักข่าวไทย
