นนทบุรี 16 ธ.ค.-รมว.พาณิชย์ เตรียมนัดทุกฝ่าย รัฐ เอกชน ตัวแทนเกษตรกร ประชุมหามาตรการเชิงรุก รับมือจีนขนผักด้วยรถไฟความเร็วสูง ที่หนองคาย
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงเรื่องการนำเข้าผลไม้ผ่านด่านศุลกากรไทย โดยใช้รถไฟความเร็วสูง สายคุนหมิง-เวียงจันทน์ ว่า ได้ตรวจสอบและพบว่า การนำเข้าผลไม้นั้นไม่มีข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ เพียงแต่มีการนำเข้าผัก 33 ตู้ เพราะผักสามารถนำเข้า-ส่งออกได้ โดยไม่มีข้อจำกัดและไม่มีเงื่อนไข นอกจากเรื่องมาตรการด้านสุขอนามัย และเรื่องอื่นๆ ซึ่งแม้จะไม่มีรถไฟความเร็วสูงเส้นนี้ จีนก็นำเข้าได้อยู่แล้ว และเราส่งออกได้อยู่แล้ว แต่สำหรับผลไม้นั้นยังไม่มี การนำเข้าผัก 33 ตู้ ผ่านรถไฟความเร็วสูงเที่ยวนี้เป็นการทดลองระบบของจีน ซึ่งแม้เขาจะไม่ทำการทดลอง เขาก็ทำได้อยู่แล้วสำหรับผัก ซึ่งข้อมูลทั้งหมดเป็นข้อมูลที่ได้จากทูตเกษตรกว่างโจวและจากด่านหนองคาย
ส่วนกรณีที่เป็นห่วงว่า ต่อไปผลไม้ของจีนจะเข้าไทยและมาตีตลาดไทยได้โดยสะดวกขึ้นนั้น รมว.พาณิชย์ ชี้แจงว่า โดยหลักการนำเข้า-ส่งออก เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างประเทศของ 2 ประเทศ หรือกติกาพหุภาคี ซึ่งปัจจุบันนี้จีนสามารถส่งออกผลไม้มาไทยได้อยู่แล้ว ไทยก็สามารถส่งออกไปจีนได้เช่นกัน แต่ประเด็นสำคัญ คือ ตนได้ขอให้เจ้าหน้าที่ไปดูตัวเลขว่า ถ้าสมมติว่ามีการส่งออกผลไม้เข้ามาในเมืองไทยสะดวกขึ้น เราจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้วิเคราะห์ว่า เรายังไม่อยู่ในสถานะที่จะเสียเปรียบ ถ้าดูจากสถิติตัวเลขการนำเข้า-ส่งออกผลไม้ไทยกับจีน เพราะถ้ามีการส่งออกผ่านรถไฟความเร็วสูงที่ปัจจุบันยังไม่เกิดขึ้น แต่ปัจจุบันการส่งออก-นำเข้าผลไม้ไทยไปจีนนั้น เราได้เปรียบดุลการค้าผลไม้อยู่ โดย 10 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ต.ค.) ไทยส่งออกผลไม้ไปจีนเพิ่มขึ้น 74.6% และ 10 เดือนนี้ไทยส่งออกผลไม้ไปจีนเป็นมูลค่า 145,497 ล้านบาท แต่จีนส่งมาไทยเพียงแค่ 26,000 ล้านบาท ทำให้ไทยได้ดุลอยู่ประมาณ 120,000 ล้านบาท
“ถ้าเรามีการเพิ่มเส้นทางการส่งของเราอีกเส้นทางหนึ่ง ด่านรถไฟคุนหมิง-เวียงจันทน์ มาที่หนองคาย ถ้าทุกอย่างยังเป็นไปตามอัตราส่วนนี้ เราน่าจะยังได้ดุลการค้าอยู่ ซึ่งจะทำให้ยอดส่งออกคล่องตัวขึ้น เพราะ 1. ระบบการขนส่งจะเร็วขึ้นจาก 2 วัน เป็น 15 ชม. สินค้าโดยเฉพาะผลไม้เน่าเสียน้อยลง ต้นทุนการขนส่งก็จะลดลงด้วย และไทยยังได้เปรียบดุลการค้า และที่สำคัญเพื่อสนองตอบต่อสิ่งนี้ ตนจึงสั่งการล่วงหน้าว่า กระทรวงพาณิชย์จะเป็นเจ้าภาพเชิญทุกหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งภาคเอกชนทั้งหมด และตัวแทนเกษตรกร ร่วมประชุมเพื่อรองรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นนี้ ที่ จ.หนองคาย โดยจะได้มีการระดมความเห็นถึงจุดแข็ง-จุดด้อยที่ควรปรับปรุงแก้ไข รวมทั้งซักซ้อม หากเราสามารถส่งออกผลไม้ ผัก และสินค้าอื่นๆ ไปยังจีน โดยใช้ช่องทางเส้นทางรถไฟนี้ ซึ่งถือเป็นอีกมาตรการเพื่อเตรียมการเชิงรุกสำหรับประเทศไทย” นายจุรินทร์ กล่าว
สำหรับคำถามที่ 2 เกี่ยวกับการใช้มาตรการกีดกันทางการค้า โดยไม่ใช่มาตรการทางภาษี (Non Tariff Barriers) ซึ่งนายจุรินทร์ กล่าวว่า ขอให้มั่นใจว่า เมื่อตนมาอยู่กระทรวงพาณิชย์ ตนรักษาผลประโยชน์ของประเทศ ถ้ามีมาตรการอะไรที่จะเสนอก็ยินดีรับฟัง แต่โดยหลักการแล้ว เราต้องถือกฎเกณฑ์กติกา ทั้งทวิภาคีและพหุภาคีระหว่างประเทศเป็นหลัก
ส่วนที่มีการระบุว่า ขณะนี้จีนลงนามกับลาว ซื้อสินค้าเกษตรและจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้า รวมทั้งต้องการให้ประเทศไทยอำนวยความสะดวกเพิ่มทูตเกษตรที่หนานหนิง คุนหมิง และจุดอื่นๆ เพื่อส่งเสริมการส่งออกและการตรวจร่วมให้มากขึ้นนั้น โดยได้ดำเนินการในเรื่องการเร่งรัดการส่งเสริมการส่งออกมาโดยลำดับ ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้า และศูนย์กระจายสินค้าของเราที่จะส่งไปยังลาวผ่านไปยังจีน ก็ได้มีการเตรียมการและมีโครงการที่กำลังจะเริ่มดำเนินการ เช่น ที่เชียงของ หรือเชียงแสน ขณะเดียวกัน การตั้งทูตเกษตรนั้นเป็นเรื่องของกระทรวงเกษตรฯ ที่จะเป็นผู้พิจารณา และจะส่งข้อความนี้ไปให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ต่อไป. – สำนักข่าวไทย
