หลากความคิด เสวนาอนาคต “หัวลำโพง”

อสมท 14 ธ.ค. – ทุกภาคส่วนร่วมแสดงความเห็นต่ออนาคตหัวลำโพง ในเวทีเสวนา “อนาคตสถานีหัวลำโพง ประวัติศาสตร์คู่การพัฒนา” โดยมีการเสนอความเห็นหลากหลาย เพื่อรวบรวมให้หน่วยงานที่รับผิดชอบตัดสินใจต่อไป

เวทีรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วน “อนาคตสถานีหัวลำโพง ประวัติศาสตร์คู่การพัฒนา” จัดโดย การรถไฟแห่งประเทศไทย ร่วมกับสำนักข่าวไทย อสมท ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของกระทรวงสาธารณสุข และถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย, ช่องยูทูบ การรถไฟแห่งประเทศไทย Official และเฟซบุ๊กแฟนเพจ -ยูทูบสำนักข่าวไทย โดยมีผู้เข้าร่วมการเสวนาจากทุกภาคส่วน


นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวยืนยันว่าที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาบริหารจัดการเดินรถ และการจัดการรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีกลางบางซื่อ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งทุกครั้งที่มีการประชุม ไม่เคยมีการพูดว่าจะปิดหัวลำโพง แต่เป็นเพียงการลดบทบาทเท่านั้น โดยที่หัวลำโพงจะยังมีการเดินรถขบวนชานเมืองเข้าสู่หัวลำโพงอยู่ ส่วนรถทางไกลจะสิ้นสุดขบวนที่สถานีกลางบางซื่อ ทั้งนี้กระทรวงคมนาคมยืนยันว่าได้มีการเตรียมพร้อมการจัดการเดินรถ และความพร้อมด้านอื่นมาเป็นระยะเวลา 7 เดือน อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคมยืนยันว่าจะนำผลการเสวนาวันนี้ไปประกอบการพิจารณา ก่อนถึงวันที่ 23 ธันวาคมนี้

ดร.พิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดีกรมขนส่งทางราง กระทรวงคมนาคม กล่าวว่าตามแผนการลดบทบาทหัวลำโพง จะลดจำนวนขบวนรถไฟ จาก 128 ขบวน เหลือ 22 ขบวน เฉพาะขบวนรถไฟชานเมืองเท่านั้น เป็นไปตามแผนแม่บทเพื่อตอบโจทย์ การแก้ไขปัญหาจราจร ซึ่งปัจจุบันมีจุดตัด 7 จุด หากมีขบวนรถเข้าหัวลำโพง จะมีการปิดเครื่องกั้นกว่า 800 ครั้ง เมื่อลดลงเหลือ 22 ขบวน จะลดจุดตัดลงไปถึง 84 %


นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง ผู้ช่วยผู้ว่าการด้านปฏิบัติการ รฟท.กล่าวว่า สถานีกลางบางซื่อเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ เต็มรูปแบบเมื่อ 1 ธ.ค. 64 ที่ผ่านมา ขณะนี้พร้อมแล้วที่จะรองรับการเดินทางของรถไฟระบบอื่น เช่น รถไฟทางไกลที่จะมาสิ้นสุดที่นี่ และได้เตรียมระบบเดินทางต่อเชื่อมไว้รองรับการเดินทางของประชาชนแล้ว

นางไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล กรรมการ รฟท. และรักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด กล่าวว่า เอสอาร์ทีฯ ตั้งตามมติ ครม. โดย รฟท.ถือหุ้น 100% เพื่อบริหารจัดการสินทรัพย์ของ รฟท.ที่ไม่ใช่รางรถไฟ และยืนยันว่าพร้อมที่จะเข้าบริหารที่ดินทุกแปลงของการรถไฟ เพื่อให้เกิดรายได้ และผลตอบแทนกับการรถไฟฯ ส่วนพื้นที่หัวลำโพง 120 ไร่ ในอนาคตจะการพัฒนาตามแนวทางทีโอดี ให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อผู้ใช้บริการและชุมชนโดยรอบ ทั้งพัฒนาเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ ปรับทัศนียภาพ เพิ่มพื้นที่สีเขียว พื้นที่เชื่อมต่อการเดินทาง สร้างเป็นศูนย์การเรียนรู้ และสร้างพื้นที่เชิงวัฒนธรรม รวมทั้งพื้นที่เชิงพาณิชย์

นายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการ รฟท. กล่าวว่า ผู้ว่าการรถไฟฯ ควรออกมาชี้แจงด้วยตัวเอง เนื่องจากก่อนหน้านี้กระแสข่าวออกมาสับสนทั้งข่าวการปิดหัวลำโพง และ มีการเผยแพร่ภาพการพัฒนาพื้นที่สถานีหัวลำโพงให้มีลักษณะคล้ายทางเข้าห้างสรรพสินค้าหรู ซึ่งต่างกับการชี้แจงในวันนี้ โดยมองว่าปัญหาจะไม่เกิดหากมีการชี้แจง และต้องเป็นข้อเท็จจริง พร้อมระบุไม่เห็นด้วยที่จะงดเดินรถไฟสายยาว เพราะขณะนี้เส้นทางรถไฟความเร็วสูง ทั้งกรุงเทพ-นครราชสีมา และ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ยังไม่คืบหน้า และต้องเห็นใจประชาชนที่ต้องมีค่าใช้จ่ายการเดินทางที่สูงขึ้น การจะหยุดเดินรถเข้าหัวลำโพง ก็ต่อเมื่อมีโครงข่ายรถไฟสายสีแดงครบถ้วนแล้ว เรียกร้องให้พูดความจริง รถไฟไม่ได้ทำให้รถติด อยากขอให้กระทรวงพิจารณาให้รอบคอบ


ด้านนางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวว่ากระแสและภาพข่าวที่เกิดขึ้น ทำให้รู้สึกว่าเป็นการด้อยค่าหัวลำโพง ที่เป็นหน้าประวัติศาสตร์แรกของการเปลี่ยนแปลงระบบรางไปสู่ความทันสมัย หากมีการเปลี่ยนแปลงหัวลำโพง ก็ควรทำไปเพื่อประโยชน์ที่สนับสนุนการเดินรถ หน้าที่ของการรถไฟฯ คือดูแลระบบการเดินทางด้วยรถไฟให้มีคุณภาพ และควรให้ความสำคัญกับการเดินทางเชื่อมต่อที่สะดวก ไม่ควรหยุดการเดินรถเข้าหัวลำโพง เพราะมีผลกระทบทั้งในเชิงธุรกิจ เหมือนเป็นการด้อยค่ารถไฟ และหันไปหนุนรถไฟฟ้า ซึ่งมีราคาแพงกว่า พร้อมคัดค้านการหยุดขายตั๋วจากสถานีหัวเมืองมายังสถานีหัวลำโพง โดยขอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาให้รอบคอบเพราะส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้รถไฟฯ

ขณะที่ ดร.สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส. พรรคก้าวไกล ระบุว่า ปัญหาที่เกิดเป็นเพราะการบริหารจัดลำดับความสำคัญในการพัฒนาที่ผิดพลาด โดยเฉพาะโครงการรถไฟสายสีแดงอ่อน (Missing Link) ช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก และสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง ซึ่งเป็นโครงการที่ควรเกิดก่อน เพื่อเชื่อมการเดินทางสู่สถานีกลางบางซื่อ แต่กลับมีการผลักดันโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินก่อน พร้อมย้ำไม่เห็นด้วยหากจะมีการปิดหัวลำโพง แต่ยอมรับได้หลังการรถไฟชี้แจงว่าป็นเพียงการลดขบวนรถไฟเข้าหัวลำโพง แต่ยังต้องจับตาว่าจะมีการบริหารจัดการอย่างไร

เช่นเดียวกับ นายสาวิทย์ แก้วหวาน ที่ปรึกษาสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ รฟท.ที่บอกว่ายังไม่เห็นด้วยกับการหยุดเดินรถเข้าหัวลำโพง เพราะจะกระทบกับผู้ใช้บริการ แต่หากในอนาคตมีการเชื่อมต่อการเดินทางที่ครอบคลุม และให้สถานีรถไฟหัวลำโพง เป็นสถานีรถไฟและพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต โดยลดจำนวนขบวนรถที่เข้าสถานีหัวลำโพงค่อยมาคุยกันในภายหลัง โดยวันนี้ (14 ธ.ค.) ได้นำรายชื่อผู้ที่ไม่เห็นด้วยพร้อมหนังสือคัดค้านเรื่องดังกล่าวยืนต่อนายกรัฐมนตรี พร้อมระบุการนำภาระหนี้ในอนาคตมารวมกับหนี้ปัจจุบันแล้วบอกว่าการรถไฟฯมีหนี้ถึง 600,000 ล้านบาท ถือว่าไม่เป็นธรรมกับการรถไฟฯ และเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยืนยันว่า หากการรถไฟ ฯ ลดจำนวนขบวนรถไฟเข้าหัวลำโพง และทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ ตนจะไปยื่นฟ้องแน่นอน การจะปิดหรือไม่ปิดหัวลำโพง ต้องทำประชามติเพื่อฟังเสียงของประชาชนทั้งประเทศ

ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัยด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า ค่อนข้างสนับสนุนการย้ายศูนย์กลางระบบรางไปยังสถานีกลางบางซื่อ เนื่องจากพื้นที่มีความเหมาะสม และรองรับรถไฟได้หลายประเภท รวมถึง ทางคู่ และความเร็วสูง ที่ในอนาคตจะมีจำนวนเที่ยววิ่งเพิ่มขึ้นกว่าในปัจจุบัน แต่ที่สำคัญคือการเชื่อมต่อการเดินทางให้เกิดความสะดวก / แต่สิ่งที่กระทรวงคมนาคม จำเป็นต้องทำต่อคือการสร้างให้การเดินทางสะดวกขึ้น ดึงคนมาใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น และต้องเร่งแก้ปัญหา โครงการ Missing Link ที่ล่าช้ามานาน ทำให้การเดินทางไม่เชื่อมต่อ

ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาสถาปัตยกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่าการพัฒนาระบบรางเพื่อให้เกิดประโยชน์เป็นเรื่องดี แต่ต้องมีการสื่อสารที่ชัดเจนว่าประชาชนได้ประโยชน์อะไร เชื่อว่าเมื่อโครงการ Missing Link เสร็จสิ้น จะต้องมีการกำหนดราคาค่าโดยสารที่ผู้มีรายได้น้อยสามารถใช้บริการได้ด้วย

ทั้งนี้ การรับฟังความเห็นหลังการเสวนา ผู้เข้าร่วมเสวนา ขอให้กระทรวงความนาคมชะลอการปรับลดขบวนรถเข้าหัวลำโพงจากวันที่ 23 ธันวาคมนี้ ออกไปก่อน เพื่อไม่ให้ผู้ใช้บริการได้รับผลกระทบ ส่วนการจัดงานวันนี้ สำนักข่าวไทย อสมท ยืนยันว่าทำหน้าที่เป็นสื่อกลางให้ทุกภาคส่วน ได้มาเสนอความเห็น โดยไม่มีการสรุปผลในการเสวนาแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ไทยมีฝนเพิ่มขึ้น ฝนตกหนักบางแห่ง เตือน 6 จว.ระวังน้ำท่วม

กทม. 16 ส.ค.-กรมอุตุฯ รายงานไทยมีฝนเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์กระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่ง เตือน จ.พิษณุโลก เพชรบูรณ์ จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์กระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์ จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือตอนล่าง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ […]

ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 : 230

รัฐสภา 15 ส.ค.- ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 ต่อ 230 ด้าน ‘พิชัย’ ขอบคุณสภาฯ ยันจะใช้งบให้ตรงตามวัตถุประสงค์โปร่งใส-เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีการตั้งวงเงินงบประมาณ จำนวน 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งที่ประชุมสภาฯ ใช้เวลาอภิปรายตลอด 3 วัน ระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคม และลงมติเมื่อเวลา 22.50 น. ผลปรากฏว่า จากจำนวนสมาชิก 487 เสียง เห็นด้วย 257 เสียง ไม่เห็นด้วย 230 เสียง งดออกเสียง 1 […]

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]