กรุงเทพฯ 28 พ.ย.- ธ.ก.ส. พร้อมโอนเงินประกันรายได้ข้าวนาปี หลัง ครม.ไฟเขียว สัปดาห์หน้า ยืนยันมีทุนสำรองล่วงหน้ารองรับประกันภัย 3 พืชหลัก เตรียมวงเงิน 1.55 แสนล้านบาท รองรับช่วยลดต้นทุนเกษตรกร
นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ในฐานะโฆษก ธ.ก.ส. เปิดเผยว่า เมื่อที่ประชุม ครม. อังคารหน้า เห็นชอบ วงเงินตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 วงเงิน 76,000 ล้านบาท เป้าหมาย 2 ล้านตัน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว และป้องกันความเสี่ยงราคาไม่ให้ประสบปัญหาขาดทุน ลดภาระค่าใช้จ่ายจากราคาผลผลิตตกต่ำ เพราะตลาดส่งออกมีปัญหา การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 และอุทกภัย เมื่อรวมกับจ่ายเงินรอบแรกต้นเดือน พ.ย.64 จ่ายไปแล้ว 13,000 ล้านบาท รวมเป็นใช้เงินสำหรับประกันรายได้ 89,000 ล้านบาท
เมื่อรัฐบาลได้ขยายเพดานการชำระหนี้คืนแบงก์รัฐ จากร้อยละ 30 เพิ่มเป็นร้อยละ 35 ของเงินงบประมาณรายจ่ายในปี 65 ธ.ก.ส. จึงเตรียมวงเงินสำรองจ่ายให้กับรัฐบาล 1.55 แสนล้านบาท รองรับการประกันรายได้ปลูกข้าวนาปี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยาพารา และมาตรการคู่ขนานช่วยเหลือเพิ่มเติม ทยอยจ่ายอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ สำหรับการชดเชยให้การปลูกข้าว เตรียมโอนให้ชาวนา 3-5 งวด จากทั้งหมด 31 งวด เริ่มในสัปดาห์หน้า เช่น ข้าวหอมมะลิ ราคาประกันรายได้ 15,000 บาทต่อตัน หากราคารับซื้อ 13,00 บาท ชาวนาจะรับส่วนต่าง 2,000 บาทต่อตัน โดยคณะอนุกรรมการจากหลายหน่วยงานจะประกาศราคารับซื้ออ้างอิง ทุกสัปดาห์ในแต่ละพื้นที่แตกต่างกัน เพื่อนำไปเทียบกับราคาประกันรายได้ เพื่อชดเชยส่วนต่างให้เกษตรกร ยอมรับเกือบทุกชนิดราคาต่ำกว่าเพดานประกันรายได้
โดยราคาประกันรายได้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกเขต ตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละ ไม่เกิน 25 ตัน และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน สำหรับข้าโพดเลี้ยงสัตว์ประกันราคา 8.5 บาทต่อกิโลกรัม ประกาศเป็นรายเดือน เหมือนกับมันสำปะหลัง 2.5 บาทต่อกิโลกรัม
สำหรับหลักเกณฑ์การจ่ายเงินประกันรายได้ เกษตรกรจะต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2564/65 กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะแจ้ง รายชื่อ ประเภทปลูกข้าว ช่วงเวลาวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยว และราคาส่วนต่างต้องชดเชยตามพื้นที่ทั้งหมด เพื่อคำนวณผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ ต้องชดเชย แต่ต้องไม่เกินปริมาณกำหนดไว้ เพื่อส่งให้ ธ.ก.ส. ใช้เป็นข้อมูลในการจ่ายเงิน จากนั้น ธ.ก.ส. จะส่ง SMS หรือแจ้งในพื้นที่ให้เกษตรกรรับทราบ โดยขอย้ำให้เกษตรกรดูแลความชื้นไม่เกินร้อยละ 15 สิ่งเจือปนไม่เกินร้อยละ 2 เพื่อนำมาร่วมโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าว เพื่อรับเงินค่าเก็บรักษาข้าวในยุ้งฉาง โดยรัฐบาลดูแลค่าเก็บรักษา เมื่อข้าวไม่ออกสู่ตลาดจำนวนมากพร้อมกัน ราคาจะขยับขึ้น เพื่อช่วยเหลือรัฐทางอ้อม
จากนั้น ธ.ก.ส. จะดำเนินการจ่ายเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ภายใน 3 วัน นับจากวันที่ได้รับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงในแต่ละรอบจากคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ซึ่งเกษตรกรสามารถตรวจสอบผลการโอนเงินได้ทางแอปพลิเค่ชัน ธ.ก.ส. A-Mobile ตลอด 24 ชั่วโมง และจะมีข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชีผ่าน LINE Official BAAC Family กรณีที่ลูกค้าสมัครใช้บริการ BAAC Connect .-สำนักข่าวไทย