กรุงเทพฯ 26 พ.ย.-นักวิชาการแนะรัฐบาลเพิ่มสภาพคล่องกลุ่ม SMEs ด่วน หลังผลสำรวจพบกว่า 40.1% เตรียมปิดกิจการเพิ่ม ระบุส่วนใหญ่เข้าไม่ถึงมาตรการภาครัฐ จากปัญหาโควิดระบาดต่อเนื่อง
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงผลสำรวจสถานภาพธุรกิจไทยหลังโควิด-19 ปัญหาอุปสรรค และแนวทางการแก้ไข โดยกลุ่มตัวอย่าง SMEs จำนวน 625 รายทั่วประเทศ พบว่า สถานภาพธุรกิจเมื่อเปรียบเทียบก่อนโควิด-19 ยอดขายลดลงร้อยละ 18.6 โดยเฉพาะธุรกิจการค้า ประเภทค้าส่งค้าปลีก ในขณะที่ต้นทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9 กำไรลดลงร้อยละ 20.6 คำสั่งซื้อลดลงร้อยละ 15.3 ทำให้SMEs ขาดสภาพคล่องส่งผลต่อการประกอบธุรกิจ ถึงแม้ว่าปัจจุบัน จะมีการคลายล็อกเปิดประเทศแล้วก็ตาม โดย SMEs ร้อยละ 40.1 บอกว่าได้รับผลกระทบมากและมีโอกาสปิดกิจการ ถึงแม้ว่ารัฐจะออกมาตรการต่างๆ เพื่อมาลดผลกระทบ แต่SMEs ส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงมาตรการได้ โดยเฉพาะการเพิ่มสภาพคล่องเนื่องจากประสบปัญหาในเรื่องของการขาดหลักทรัพย์ค้ำประกันและเงื่อนไขของสถาบันการเงิน
ทั้งนี้ รวมถึงยังมีปัจจัยอื่นๆเข้ามามีส่วนทั้งต้นทุนประกอบการที่สูงขึ้นจากการผลิตสินค้าและต้นทุนที่สูงขึ้นจากมาตรการโควิด-19 จึงต้องการให้ภาครัฐเข้ามาช่วยในเรื่องของการเพิ่มสภาพคล่องอย่างเร่งด่วน ด้วยการปล่อยสินเชื่อโดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อให้มีโอกาสเข้าถึงเงินทุนได้ดีขึ้น การลดหย่อนภาษี สำหรับอนาคต และการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาคการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้รัฐบาลผ่อนคลายให้ธุรกิจกลางคืนสามารถเปิดกิจการได้ เนื่องจากมี สัดส่วนต่อ GDP ถึงร้อยละ 20 คิดเป็นเม็ดเงิน 2-3 ล้านล้านบาทต่อปี แต่ยังคงต้องเปิดภายใต้มาตรการทางด้านสาธารณสุขที่ให้ทุกคนปฏิบัติร่วมกันเพื่อสามารถอยู่ร่วมกับโควิด-19 ได้อีกด้วย.-สำนักข่าวไทย