กรุงเทพฯ 11 พ.ย.-บางจากฯ เดินหน้ากลั่นสูงตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจ.เผยผลประกอบการไตรมาส 3 กำไร 1,820 ล้านบาท
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการขยายตัวของอุปสงค์น้ำมัน หลังจากมีความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทั่วโลก ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบและราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 9 เดือนแรกของปี 2564 อยู่ที่ 66.36 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 24.91 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หรือ ร้อยละ 60 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ มี Inventory Gain 5,159 ล้านบาท นอกจากนี้ ธุรกิจโรงกลั่นมีค่าการกลั่นพื้นฐานทรงตัวในทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้น และได้ปรับเพิ่มกำลังการกลั่นและเพิ่มสัดส่วนการผลิต UCO (Unconverted Oil) อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยหนุนค่าการกลั่น โดยไตรมาส3/64บริษัท ปรับเพิ่มกำลังกลั่นขึ้นมาอยู่ที่ 111,400 พันบาร์เรลต่อวัน หรือ คิดเป็นร้อยละ 93 ของกำลังการผลิตรวม
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2564 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 47,649 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 และมี EBITDA 7,531 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 76 ส่งผลให้ งวด 9 เดือนแรกของปี 2564 ว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 132,655 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 และมี EBITDA 16,537 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 1,121 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ผลดำเนินการ ไตรมาส3/64ส่วนใหญ่มาจากการเปลี่ยนวิธีการบันทึกเงินลงทุนใน OKEA และมี Inventory Gain 1,386 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานได้รับผลกระทบจากกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมันที่มีค่าการกลั่นพื้นฐานปรับลดลง จาก Crude Premium อ้างอิงกับน้ำมันดิบเดทเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น อีกทั้งกลุ่มธุรกิจการตลาดมีค่าการตลาดรวมสุทธิและปริมาณการจำหน่ายที่ปรับลดลง จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสาม
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสนี้ มีการบันทึกกำไรจากการปรับปรุงมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนใน บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) หรือ UBEหลังUBEเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯส่งผลให้ไตรมาสนี้มีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 1,820 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
ส่วนแบ่งการตลาดด้านปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการสะสมเดือนมกราคม – กันยายน 2564 อยู่ที่ร้อยละ 16 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ร้อยละ 15.6 สามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดในอันดับ 2 (ข้อมูลกรมธุรกิจพลังงาน) ในขณะที่กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า โดยบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPGผลการดำเนินงานปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 และ 4 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าและช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหลักมาจากปริมาณจำหน่ายกระแสไฟฟ้าที่สูงขึ้น จาก สปป.ลาวที่ปรับเพิ่มขึ้น, กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ โดยบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ BBGI ผลการดำเนินงานปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 201 และ 128% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าและช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการรับรู้กำไรจากการเปลี่ยนสถานะเงินลงทุนใน UBE ส่วนธุรกิจไบโอดีเซล ได้รับผลกระทบจากปริมาณการจำหน่าย B100 ที่ปรับลดลง แต่กำไรขั้นต้นใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน ส่วนธุรกิจเอทานอล กำไรขั้นต้นปรับลดลงร้อยละ 48 และ 82 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าและช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณการจำหน่ายเอทานอลที่ปรับลดลง ในขณะที่ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง (High Value Products (HVP) ได้เริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ สู่ผู้บริโภคโดยตรงภายใต้แบรนด์ B Nature Plus.-สำนักข่าวไทย