ทำเนียบฯ 9 พ.ย.- กลุ่มกิจการร่วมค้า GPC ผ่านฉลุยเพียงรายเดียว เดินหน้าสร้างท่าเรือแหลมฉบังเฟส3 เสนอผลตอบแทนรัฐ 29,000 ล้านบาท ร่วมลงทุน 35 ปี เร่งลดปัญหาขาดแคลนตู้สินค้า
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)รับทราบผลการคัดเลือกเอกชน เข้าร่วมลงทุนของโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุด เห็นชอบตามมติของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(กพอ.) คือ กลุ่มกิจการร่วมค้า GPC เสนอผลตอบแทนรัฐเป็นค่าสัมปทานคงที่ มูลค่าปัจจุบัน 29,050 ล้านบาท และค่าสัมปทานผันแปร 100 บาทต่อTEU (ตู้สินค้าขนาด 20 ฟุต) ระยะเวลาร่วมลงทุน 35 ปี
สำหรับกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC เป็นเอกชนผู้ยื่นข้อเสนอรายเดียวที่ผ่านการประเมิน หากทำการคัดเลือกใหม่ อาจส่งผลให้การเปิดดำเนินการท่าเทียบเรือ F ล่าช้าประมาณ 2 ปี และก่อให้เกิดความเสี่ยง เช่น การปริมาณตู้สินค้า เกินขีดความสามารถในการรองรับในปี 2568 รวมถึงข้อจำกัดในการรองรับเรือสินค้าขนาดใหญ่ และปัญหาโควิด-19 ส่งผลต่อประมาณการตู้สินค้าในปัจจุบัน กพอ.พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบตามเหตุผลและความจำเป็นเร่งด่วน เพราะการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 จะช่วยพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังให้เป็นประตูการค้า การลงทุนของภูมิภาคได้อย่างเต็มศักยภาพ.-สำนักข่าวไทย