5 พ.ย. – หลังเปิดประเทศไปเมื่อ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผ่านไป 4 วัน สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งเริ่มมีนักท่องเที่ยว รวมไปถึงบรรดาร้านค้าร้านอาหาร โรงแรม และสายการบิน ที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเข้มข้น ด้าน ททท.หวังให้ไฮซีซั่นนี้เป็นการท่องเที่ยวแบบ High Value Tourist ตั้งเป้านักท่องเที่ยว 1 ล้านคน
เมื่อไทยเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดส และมีผลตรวจ RT-PCR เป็นลบจากประเทศต้นทาง ไม่เกิน 72 ชั่วโมง โดยยกเลิกกักตัว 14 วัน 7 วัน เหลือเพียงวันเดียว ภายในโรงแรมที่เป็นสถานที่กักตัวทางเลือก โดยประสานโรงพยาบาลตรวจ RT-PCR ให้ถึงโรงแรม หากผลเป็นลบไม่พบเชื้อ วันรุ่งขึ้นก็เดินทางท่องเที่ยวได้ทันที แต่ถ้าผลเป็นบวกจะส่งเข้าระบบการรักษาต่อไป
นี่เป็นขั้นตอนที่โรงแรมแห่งนี้ปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งกิจการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต้องได้มาตรฐาน SHA plus ความปลอดภัยด้านสุขอนามัย ขณะที่ทางโรงแรมเองก็สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับพนักงาน
เกือบ 2 ปีกับวิกฤติโควิด-19 โรงแรมปิดชั่วคราวไป 2 เดือน และกลับมาเปิดอีกครั้ง แต่ยังไม่เต็มรูปแบบ จากที่เคยจ้างพนักงาน Out Source ก็เหลือเพียงพนักงานประจำเท่านั้น โดยให้ฝึกฝนทักษะเพิ่มเพื่อทำหน้าที่ทดแทนกันได้ โรงแรมนี้มี 1,388 ห้อง เปิดให้บริการแล้ว 509 ห้อง หรือราว 36% และหวังว่าอีกไม่นานจะเปิดให้บริการได้ครบทุกห้อง พนักงานทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ดีใจมากเมื่อเห็นภาพนักท่องเที่ยวเดินลากกระเป๋าเข้าโรงแรมในวันเปิดประเทศ
รองผู้ว่าการ ททท. เชื่อว่า การเปิดประเทศครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นธุรกิจท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคักมากขึ้น แต่อาจยังไม่เท่าช่วงก่อนโควิด ตั้งเป้าตลอดไฮซีซั่น พฤศจิกายนนี้ถึงเมษายนปีหน้า จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามา 1 ล้านคน เม็ดเงินราว 6,000 ล้านบาท โดยเป็นการท่องเที่ยวแบบ High Value Tourist ที่เคารพกฎกติกา และใช้จ่ายต่อคนมากขึ้น ยืนยันมีแผนรองรับหากเปิดประเทศแล้วยอดผู้ติดเชื้อกลับมาเพิ่มสูงขึ้น
การเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้ง ททท. กระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงองค์กรสื่อมวลชน โดย บมจ.อสมท ก็ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยว ท่ามกลางมาตรการสาธารณสุขที่เข้มข้น เพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้กับทั้งนักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ และประชาชนในประเทศ. – สำนักข่าวไทย