กรุงเทพฯ 2 พ.ย.-”มนัญญา”เดินหน้ายึดทรัพย์อดีตกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟแล้วเกือบ 500 ล้านบาท โดยสินทรัพย์ที่ได้มาเช่น อพาร์ทเม้นท์ ที่ดิน เตรียมเปิดให้เอกชนเช่าเพื่อประโยชน์สูงสุด
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาทุจริตในสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด (สอ.สรฟ) ที่อดีตกรรมการสหกรณ์กับพวกร่วมกันทุจริตนำเงินของสหกรณ์ไปซื้อที่ดินและทรัพย์สิน และโอนเป็นกรรมสิทธิ์ของอดีตกรรมการสหกรณ์ ตั้งแต่ปี 2559 สร้างความเสียหายประมาณ 2,279 ล้านบาท ว่า ขณะนี้มีอดีตกรรมการสหกรณ์ที่มีคดีอยู่ประมาณ 6 คนซึ่งตรวจสอบพบว่ามีเส้นทางเอาเงินออกไปจากธนาคารคนละเกือบ 100 ล้านบาท โดยล่าสุดสามารถยึดทรัพย์สินกลับมาได้แล้วรวมเกือบ 500 ล้านบาท มีเงินสดประมาณ 50 ล้านบาท นอกจากนั้นจะเป็นอพาร์ทเม้นท์ โรงแรม ที่ดิน ม้า และวัว
อย่างไรก็ตาม การยึดทรัพย์ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ประสานงานร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ลงพื้นที่เพื่อติดประกาศอายัดทรัพย์สินของอดีตกรรมการสหกรณ์และพวกเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ในพื้นที่ 5 จังหวัด ทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร นนทบุรี นครปฐม ชลบุรี และอำเภอแก่งกระจาน เพชรบุรี ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวที่ได้มาในส่วนนี้ คือ เงินสด รถยนต์ โฉนดที่ดิน กระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกาหรู เครื่องประดับ รวมจำนวน 110 รายการ มูลค่าประมาณ 214 ล้านบาท จะถูกนำไปขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชดใช้คืนให้กับสมาชิกและสหกรณ์เจ้าหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ รวมทั้งจะดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดให้ถึงที่สุด โดยมอบหมายให้กรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมตรวจสอบบัญชีสหกรณ์ เข้าให้ข้อมูลและชี้แจงรายละเอียดเพื่อประกอบการดำเนินคดีดังกล่าว
ส่วนอพาร์ทเม้นท์ ที่ดิน โรงแรมที่ตามยึดมาได้นั้น กำลังหารือกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.ว่า จะนำทรัพย์สินดังกล่าวไปให้เอกชนเช่าเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในระหว่างที่รอการพิจารณาคดี รวมทั้งจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตซ้ำซ้อนขึ้นมาอีก
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังมีสหกรณ์ออมทรัพย์ที่มีปัญหาเรื่องการทุจริตอีก 2-3 สหกรณ์ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เพราะกำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงินและเกรงจะเสียรูปคดี และปัจจุบัน สหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด ยังคงผ่อนส่งคืนเงินฝากให้กับสหกรณ์เจ้าหนี้ทุกเดือนตามบันทึกข้อตกลงที่ได้จัดทำขึ้นระหว่างกัน และยังสามารถเปิดดำเนินธุรกิจและให้บริการทางการเงินกับสมาชิกได้ตามปกติ โดยทางสหกรณ์ได้ทำแผนบริหารการเงินเข้ามาในแต่ละเดือนเพื่อแบ่งชำระหนี้ส่วนหนึ่งและเหลือสภาพคล่องไว้สำหรับให้บริการกับสมาชิกได้ตามปกติ.-สำนักข่าวไทย