รมว.คลัง แนะธุรกิจประกันนำระบบไอทีมาใช้ชดเชยสินไหม

กรุงเทพฯ 26 ต.ค.-รมว.คลัง แนะธุรกิจประกันนำระบบดาวเทียมไอทีมาใช้ชดเชยสินไหม ขณะที่ คปภ.ยอมรับวิถีชีวิตโลกยุคใหม่ ต้องใช้ประกันคุ้มครองความเสี่ยงที่เกิดขึ้นหลากหลาย


นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปาฐกถาพิเศษงาน Thailand Insurtech Fair ครั้งที่ 1 ยอมรับว่า ปัจจุบันความเสี่ยงใหม่ๆ เกิดขึ้นหลากหลาย ทั้งภัยธรรมชาติ ไวรัสโควิด เพื่อความสะดวกในการเคลมประกันภัยที่เกิดขึ้น จึงต้องทำระบบดาวเทียมมาใช้ประเมินความเสียหายน้ำท่วม จากการประกันภัยนาข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทำให้จ่ายชดเชยสินไหมทดแทนได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งการชดเชยประกันภัยโควิด-19 เมื่อนำระบบแอปพลิเคชันมาใช้รับร้องเรียน ทำให้จ่ายชดเชยได้รวดเร็วขึ้น เมื่อรัฐบาลส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น เพื่อดูแลสิ่งแวดล้อม จะทำให้ธุรกิจประกันภัยต้องออกแบบกรมธรรม์ให้ตรงกับโลกยุคใหม่ การหันมาใช้ประกันภัย เป็นช่องทางระดมทุน เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การออมเงินระยะยาว รองรับสังคมผู้สูงอายุ 

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า จากปัญหาโควิด-19 และความเสี่ยงอื่นๆ ทำให้การประกันภัยจะเข้าถึงชีวิตประจำวันมากขึ้น และมีราคาถูกลง เมื่อนำเทคโนโลยีมาใช้บริการ การประกันภัยจะเชื่อมโยงกับสินค้าและบริการมากขึ้น ทั้งการซื้อประกันการเดินทาง การประกันการท่องเที่ยว การประกันสุขภาพ จะซื้อง่าย ขายคล่อง เพื่อคุ้มครองความเสี่ยง ขณะที่ คปภ.ต้องกำกับดูแลความเสียหาย และการชดเชยสินไหมอย่างรวดเร็วและเป็นธรรมอย่างใกล้ชิด ผ่าน พ.ร.บ.ประกันภัย ฉบับใหม่   


อย่างไรก็ตาม มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเชิญมากล่าวเปิดงาน “Thailand Insurtech Fair ครั้งที่ 1” ภายใต้แนวคิด “InsurTech for all and for the next normal” ในวันนี้ ซึ่งผมทราบมาว่า การจัดงานในปีนี้ เป็นการปรับเปลี่ยนรูปแบบมาจากการจัดงานสัปดาห์ประกันภัยที่บริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันวินาศภัย มานำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยในรูปแบบความคุ้มครองต่างๆ ให้แก่ประชาชน สำหรับในปีนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานเป็นแบบ Virtual Event ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และได้มีการขยายขอบเขตของงานให้น่าสนใจยิ่งขึ้น โดยการนำเสนอเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัย หรือที่เรียกว่า Insurtech รวมถึงได้เพิ่มเติมส่วนของการสัมมนาเชิงวิชาการให้เข้มข้นขึ้น โดยได้เชิญวิทยากรซึ่งเป็นผู้รู้และผู้นำในวงการประกันภัย รวมถึงผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยี หรือ InsurTech Startups ที่มีชื่อเสียง ทั้งจากในประเทศและจากต่างประเทศ มาร่วมแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจประกันภัยในยุคดิจิทัล และการก้าวขึ้นเป็นผู้นำอุตสาหกรรมในยุค Next Normal 

ทั้งนี้ ขอชื่นชมคณะกรรมการ คปภ. ผู้บริหาร และบุคลากรสำนักงาน คปภ. ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ที่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลในการจัดงาน และในการทำหน้าที่ขับเคลื่อนภาคการประกันภัยให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนให้ประชาชนทุกภาคส่วนใช้ระบบประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตและทรัพย์สิน ในขณะเดียวกันก็รักษาสมดุลระหว่างบทบาทด้านการคุ้มครองผู้บริโภค และการรักษาเสถียรภาพของระบบประกันภัยได้อย่างยอดเยี่ยม ผ่านการกำกับดูแลบริษัทประกันภัยอย่างใกล้ชิด และที่สำคัญยิ่ง ต้องขอขอบคุณภาคธุรกิจประกันภัยที่ได้ร่วมกันยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน ซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทในการสร้างภูมิคุ้มกันและเสริมความแข็งแกร่งให้แก่เศรษฐกิจฐานราก ผ่านการขับเคลื่อนนโยบายของภาครัฐด้านการบริหารความเสี่ยงในภาคการเกษตร ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่หลากหลาย เพื่อบรรเทาความเสียหายและเพิ่มศักยภาพในการรองรับความเสี่ยงให้กับเกษตรกร โดยมีผลงานที่โดดเด่น อาทิเช่น การประกันภัยข้าวนาปีและการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติได้อย่างเป็นระบบ มีการเยียวยาค่าเสียหายให้กับเกษตรกรอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม ทำให้เกษตรกรสามารถฟื้นตัวกลับมาประกอบอาชีพเพื่อดำรงชีวิตต่อไปได้หลังจากประสบภัยธรรมชาติ  

นอกจากนี้ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภาคอุตสาหกรรมประกันภัยไทยได้แสดงความสามารถให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ ถึงบทบาทด้านการบริหารความเสี่ยงให้กับสังคมไทย ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองอย่างเหมาะสมต่อสถานการณ์ เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนในประเทศและชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย รวมถึงการกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือเยียวยาและบรรเทาผลกระทบให้แก่ผู้ประกอบการ ซึ่งรวมถึงผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจไทยให้เติบโตต่อไปได้ และเป็นกลไกที่สำคัญในการกระจายผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจไปสู่ภาคประชาชนอย่างทั่วถึง ซึ่งความท้าทายรอบด้านจากสถานการณ์การแพร่ระบาดนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะส่งเสริมให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญของการประกันภัยในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดทำประกันชีวิตและการจัดทำประกันสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ทั้งในระดับครัวเรือนและระดับผู้ประกอบการ 


สำหรับอนาคตอันใกล้นี้ การเตรียมพร้อมเพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการรับมือกับสถานการณ์ปัจจุบัน ความท้าทายที่จะยังคงอยู่ภายหลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคคลี่คลายไป ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เป็นปรากฏการณ์ใหม่ภายหลังยุคโควิด คือ ผู้คนและภาคธุรกิจมีการพึ่งพาเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก การทำธุรกรรมออนไลน์ หรือการทำงานจากที่บ้าน กลายเป็นสิ่งธรรมดาในชีวิตประจำวัน ส่งผลให้ภาคธุรกิจต้องมีการปรับตัวให้สามารถติดต่อและให้บริการลูกค้า ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและการเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างมีนัยสำคัญของเทคโนโลยี หรือ Technology Disruption ที่ส่งผลให้การแข่งขัน การดำเนินธุรกิจ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในทุกอุตสาหกรรมเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว ความท้าทายหลักที่ถือเป็น Mega Trend ที่ทุกภาคส่วนยังคงต้องตระหนักถึงและเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ได้แก่ การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ ที่นับเป็นอีกความท้าทายที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาว และการรับมือกับสภาวะโลกร้อน หรือ Climate Change ที่ได้ทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ ก่อให้เกิดความสูญเสียในเชิงเศรษฐกิจที่มีมูลค่ามหาศาล ซึ่งหากมีการนำกลไกของการประกันภัยมาใช้ในการบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ จึงควรมีการส่งเสริมให้มีการประกันภัยสำหรับโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ นอกเหนือไปจากการบริหารความเสี่ยงในภาคเกษตรกรรมสำหรับเศรษฐกิจฐานรากแล้ว ด้านการคมนาคมก็ถือเป็นอีกหนึ่งภาคส่วนที่มีความสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และมีความจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนให้มีการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสมและเพียงพอเช่นกัน อาทิ สนามบิน รถไฟ รวมถึงการจัดทำประกันภัยสำหรับทรัพย์สินของทางราชการและโครงการของรัฐ เพื่อสนับสนุนให้ให้ภาครัฐมีการบริหารความเสี่ยงภัยอย่างเป็นระบบและครบวงจร

ทั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ภาคอุตสาหกรรมประกันภัยจะร่วมเป็นกลไกหลักที่สำคัญในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีเสถียรภาพมั่นคง ทั้งจากภายในและภายนอก และประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง ด้วยการลดความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และยกระดับเศรษฐกิจฐานรากขึ้นมาให้ได้ ผ่านการส่งเสริมการเข้าถึงการประกันภัยให้แก่ประชาชนในทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึงและเพียงพอ ในโอกาสนี้ ขอเปิดงาน “Thailand Insurtech Fair ครั้งที่ 1” ภายใต้แนวคิด “InsurTech for all and for the next normal” อย่างเป็นทางการ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การจัดงานในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จ บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้ทุกประการ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก บอกสื่อ “คิดถึงนะคะ”

สนามหลวง 12 ส.ค.- “แพทองธาร” ยิ้ม ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน บอกสื่อฯ “คิดถึงนะคะ” ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคู่สมรส ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 ส.ค.2568 ณ ท้องสนามหลวง ทันทีที่พบผู้สื่อข่าว นางสาวแพทองธาร หันมาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “คิดถึงนะ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามเรื่องกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่ง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน คดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธาร ยิ้มและไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะอยู่ รวมถึงขอให้ยืนยันว่าจะลาออกหรือไม่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถาม และเดินทางขึ้นรถทันที.-315 -สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” นำทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันแม่แห่งชาติ

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา “พระพันปีหลวง” 12 สิงหาคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานองคมนตรีและภริยา คณะองคมนตรีและภริยา ประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญ หน่วยราชการในพระองค์ คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพและภริยา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและภริยา ปลัดกระทรวงทุกกระทรวง และผู้แทนภาคเอกชน ร่วมพิธี โดยเมื่อนายภูมิธรรม เดินทางถึงปะรำพิธีท้องสนามหลวง สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน 10 รูป ขึ้นนั่งอาสน์สงฆ์ นายภูมิธรรม จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ถวายคำนับและถวายธูปเทียนแพหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน […]

เตือนทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง ‘ตะวันออก’ หนักสุด

กทม. 12 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง เตือนภาคตะวันออกรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “โพดุล” (PODUL) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนในช่วงวันที่ 13 – 14 ส.ค. โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย