รมว.คลัง แนะธุรกิจประกันนำระบบไอทีมาใช้ชดเชยสินไหม

กรุงเทพฯ 26 ต.ค.-รมว.คลัง แนะธุรกิจประกันนำระบบดาวเทียมไอทีมาใช้ชดเชยสินไหม ขณะที่ คปภ.ยอมรับวิถีชีวิตโลกยุคใหม่ ต้องใช้ประกันคุ้มครองความเสี่ยงที่เกิดขึ้นหลากหลาย


นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปาฐกถาพิเศษงาน Thailand Insurtech Fair ครั้งที่ 1 ยอมรับว่า ปัจจุบันความเสี่ยงใหม่ๆ เกิดขึ้นหลากหลาย ทั้งภัยธรรมชาติ ไวรัสโควิด เพื่อความสะดวกในการเคลมประกันภัยที่เกิดขึ้น จึงต้องทำระบบดาวเทียมมาใช้ประเมินความเสียหายน้ำท่วม จากการประกันภัยนาข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทำให้จ่ายชดเชยสินไหมทดแทนได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งการชดเชยประกันภัยโควิด-19 เมื่อนำระบบแอปพลิเคชันมาใช้รับร้องเรียน ทำให้จ่ายชดเชยได้รวดเร็วขึ้น เมื่อรัฐบาลส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น เพื่อดูแลสิ่งแวดล้อม จะทำให้ธุรกิจประกันภัยต้องออกแบบกรมธรรม์ให้ตรงกับโลกยุคใหม่ การหันมาใช้ประกันภัย เป็นช่องทางระดมทุน เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การออมเงินระยะยาว รองรับสังคมผู้สูงอายุ 

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า จากปัญหาโควิด-19 และความเสี่ยงอื่นๆ ทำให้การประกันภัยจะเข้าถึงชีวิตประจำวันมากขึ้น และมีราคาถูกลง เมื่อนำเทคโนโลยีมาใช้บริการ การประกันภัยจะเชื่อมโยงกับสินค้าและบริการมากขึ้น ทั้งการซื้อประกันการเดินทาง การประกันการท่องเที่ยว การประกันสุขภาพ จะซื้อง่าย ขายคล่อง เพื่อคุ้มครองความเสี่ยง ขณะที่ คปภ.ต้องกำกับดูแลความเสียหาย และการชดเชยสินไหมอย่างรวดเร็วและเป็นธรรมอย่างใกล้ชิด ผ่าน พ.ร.บ.ประกันภัย ฉบับใหม่   


อย่างไรก็ตาม มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเชิญมากล่าวเปิดงาน “Thailand Insurtech Fair ครั้งที่ 1” ภายใต้แนวคิด “InsurTech for all and for the next normal” ในวันนี้ ซึ่งผมทราบมาว่า การจัดงานในปีนี้ เป็นการปรับเปลี่ยนรูปแบบมาจากการจัดงานสัปดาห์ประกันภัยที่บริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันวินาศภัย มานำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยในรูปแบบความคุ้มครองต่างๆ ให้แก่ประชาชน สำหรับในปีนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานเป็นแบบ Virtual Event ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และได้มีการขยายขอบเขตของงานให้น่าสนใจยิ่งขึ้น โดยการนำเสนอเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัย หรือที่เรียกว่า Insurtech รวมถึงได้เพิ่มเติมส่วนของการสัมมนาเชิงวิชาการให้เข้มข้นขึ้น โดยได้เชิญวิทยากรซึ่งเป็นผู้รู้และผู้นำในวงการประกันภัย รวมถึงผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยี หรือ InsurTech Startups ที่มีชื่อเสียง ทั้งจากในประเทศและจากต่างประเทศ มาร่วมแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจประกันภัยในยุคดิจิทัล และการก้าวขึ้นเป็นผู้นำอุตสาหกรรมในยุค Next Normal 

ทั้งนี้ ขอชื่นชมคณะกรรมการ คปภ. ผู้บริหาร และบุคลากรสำนักงาน คปภ. ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ที่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลในการจัดงาน และในการทำหน้าที่ขับเคลื่อนภาคการประกันภัยให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนให้ประชาชนทุกภาคส่วนใช้ระบบประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตและทรัพย์สิน ในขณะเดียวกันก็รักษาสมดุลระหว่างบทบาทด้านการคุ้มครองผู้บริโภค และการรักษาเสถียรภาพของระบบประกันภัยได้อย่างยอดเยี่ยม ผ่านการกำกับดูแลบริษัทประกันภัยอย่างใกล้ชิด และที่สำคัญยิ่ง ต้องขอขอบคุณภาคธุรกิจประกันภัยที่ได้ร่วมกันยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน ซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทในการสร้างภูมิคุ้มกันและเสริมความแข็งแกร่งให้แก่เศรษฐกิจฐานราก ผ่านการขับเคลื่อนนโยบายของภาครัฐด้านการบริหารความเสี่ยงในภาคการเกษตร ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่หลากหลาย เพื่อบรรเทาความเสียหายและเพิ่มศักยภาพในการรองรับความเสี่ยงให้กับเกษตรกร โดยมีผลงานที่โดดเด่น อาทิเช่น การประกันภัยข้าวนาปีและการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติได้อย่างเป็นระบบ มีการเยียวยาค่าเสียหายให้กับเกษตรกรอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม ทำให้เกษตรกรสามารถฟื้นตัวกลับมาประกอบอาชีพเพื่อดำรงชีวิตต่อไปได้หลังจากประสบภัยธรรมชาติ  

นอกจากนี้ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภาคอุตสาหกรรมประกันภัยไทยได้แสดงความสามารถให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ ถึงบทบาทด้านการบริหารความเสี่ยงให้กับสังคมไทย ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองอย่างเหมาะสมต่อสถานการณ์ เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนในประเทศและชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย รวมถึงการกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือเยียวยาและบรรเทาผลกระทบให้แก่ผู้ประกอบการ ซึ่งรวมถึงผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจไทยให้เติบโตต่อไปได้ และเป็นกลไกที่สำคัญในการกระจายผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจไปสู่ภาคประชาชนอย่างทั่วถึง ซึ่งความท้าทายรอบด้านจากสถานการณ์การแพร่ระบาดนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะส่งเสริมให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญของการประกันภัยในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดทำประกันชีวิตและการจัดทำประกันสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ทั้งในระดับครัวเรือนและระดับผู้ประกอบการ 


สำหรับอนาคตอันใกล้นี้ การเตรียมพร้อมเพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการรับมือกับสถานการณ์ปัจจุบัน ความท้าทายที่จะยังคงอยู่ภายหลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคคลี่คลายไป ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เป็นปรากฏการณ์ใหม่ภายหลังยุคโควิด คือ ผู้คนและภาคธุรกิจมีการพึ่งพาเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก การทำธุรกรรมออนไลน์ หรือการทำงานจากที่บ้าน กลายเป็นสิ่งธรรมดาในชีวิตประจำวัน ส่งผลให้ภาคธุรกิจต้องมีการปรับตัวให้สามารถติดต่อและให้บริการลูกค้า ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและการเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างมีนัยสำคัญของเทคโนโลยี หรือ Technology Disruption ที่ส่งผลให้การแข่งขัน การดำเนินธุรกิจ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในทุกอุตสาหกรรมเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว ความท้าทายหลักที่ถือเป็น Mega Trend ที่ทุกภาคส่วนยังคงต้องตระหนักถึงและเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ได้แก่ การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ ที่นับเป็นอีกความท้าทายที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาว และการรับมือกับสภาวะโลกร้อน หรือ Climate Change ที่ได้ทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ ก่อให้เกิดความสูญเสียในเชิงเศรษฐกิจที่มีมูลค่ามหาศาล ซึ่งหากมีการนำกลไกของการประกันภัยมาใช้ในการบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ จึงควรมีการส่งเสริมให้มีการประกันภัยสำหรับโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ นอกเหนือไปจากการบริหารความเสี่ยงในภาคเกษตรกรรมสำหรับเศรษฐกิจฐานรากแล้ว ด้านการคมนาคมก็ถือเป็นอีกหนึ่งภาคส่วนที่มีความสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และมีความจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนให้มีการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสมและเพียงพอเช่นกัน อาทิ สนามบิน รถไฟ รวมถึงการจัดทำประกันภัยสำหรับทรัพย์สินของทางราชการและโครงการของรัฐ เพื่อสนับสนุนให้ให้ภาครัฐมีการบริหารความเสี่ยงภัยอย่างเป็นระบบและครบวงจร

ทั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ภาคอุตสาหกรรมประกันภัยจะร่วมเป็นกลไกหลักที่สำคัญในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีเสถียรภาพมั่นคง ทั้งจากภายในและภายนอก และประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง ด้วยการลดความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และยกระดับเศรษฐกิจฐานรากขึ้นมาให้ได้ ผ่านการส่งเสริมการเข้าถึงการประกันภัยให้แก่ประชาชนในทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึงและเพียงพอ ในโอกาสนี้ ขอเปิดงาน “Thailand Insurtech Fair ครั้งที่ 1” ภายใต้แนวคิด “InsurTech for all and for the next normal” อย่างเป็นทางการ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การจัดงานในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จ บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้ทุกประการ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

วธ. ยันกัมพูชาไม่ได้สอดไส้วรรณกรรมไทย ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

กทม. 15 ก.ค.-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยืนยันกัมพูชาไม่ได้นำวรรณกรรมไทย 22 รายการ สอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ออกหนังสือชี้แจง ตามที่มีการกล่าวอ้างในเพจดังกล่าวว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่กัมพูชานำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลไทยปล่อยปละละเลยและไม่คัดค้านเลยแม้แต่นิดเดียว…” กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยต่อกรณีประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย จำนวน 22 รายการ นำไปขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในหัวข้อ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกัมพูชา เพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และขอชี้แจง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่อ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน “วรรณกรรมไทย 22 รายการ” โดยกัมพูชา ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนวรรณกรรม จำนวน 22 เรื่อง ต่อองค์การยูเนสโก แต่กัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน The Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงโบราณของกัมพูชา และยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2546 […]

รวมพลัง 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

15 ก.ค. – กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย องค์การทางศาสนาทั้ง 15 องค์การ จาก 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ รวมทั้งหน่วยงานเครือข่าย มีผู้เข้าร่วมทั้งผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำทางศาสนา ศาสนิกชน เครือข่ายสถานศึกษา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม รวมกว่า 1,000 คน ร่วมพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า กิจกรรมประกอบด้วย พิธีถวายพระพรชัยมงคล […]

หน่วยงาน 3 ป. แถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” จ่อขยายผลเส้นเงิน

บก.ป. 15 ก.ค.- ตำรวจแถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” ตรวจสอบเงินในบัญชี 3 ปีย้อนหลัง พบมีเงินหมุนเวียน 385 ล้านบาท ส่วนใหญ่โอนไปเว็บพนัน เหลือเงินในบัญชี 8,000 บาท ขณะที่พระผิดธรรมวินัยทยอยลาสิกขาแล้ว 9 รูป จากทั้งหมด 13 รูป พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง., นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับ […]

“ปราสาทตาเมือนธม” วุ่น ทหารกัมพูชาเกือบ 1 กองร้อย กรูเข้าฝั่งไทย

กทม. 15 ก.ค.-ทบ.อยู่ระหว่างตรวจสอบปมความวุ่นวาย “ปราสาทตาเมือนธม” หลังมีข่าวทหารกัมพูชาเกือบ 1 กองร้อย กรูเข้าฝั่งไทย ด้าน มทภ.2 ยันสถานการณ์ปกติ อย่าตื่นตระหนก 15 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูล หลังเกิดเหตุความไม่เรียบร้อยที่ปราสาทตาเมือนธม ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ จากกรณีหญิงชาวกัมพูชา ตะโกนใส่ทหารไทยว่าล้ำเส้นเข้าไปในเขตประเทศกัมพูชา และมีการทะเลาะกันเสียงดัง ทำให้ทหารไทยและทหารกัมพูชาที่อยู่ในจุดนั้นต้องเข้ามาห้าม แต่เหตุการณ์ลุกลาม ทหารกัมพูชาเกือบ 1 กองร้อย วิ่งเข้ามาในบริเวณฝั่งไทย ตรงบันไดทางขึ้นปราสาทตาเมือนธม ทางด้านทหารไทยก็ได้เข้าไปอยู่ในจุดดังกล่าวด้วย โดยสถานการณ์มีการผลักอกกัน ตะโกนโวยวาย ล่าสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 แจงว่า ปราสาทตาเมือนธม เหตุการณ์ปกติ ไม่มีอะไร ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตกใจ.-313.-สำนักข่าวไทย