สนค. เผยชาไทย สินค้าดาวรุ่ง ยอดส่งออก 7 เดือนมูลค่าพุ่ง 119%

นนทบุรี 21 ต.ค.-สนค.เผย “ชาไทย” สินค้าดาวรุ่งส่งออก ยอด 7 เดือน โตกระฉูด มูลค่า 508.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119.36% แนะเร่งผลักดันมาตรฐาน เพิ่มการแปรรูป ช่วยเพิ่มช่องทางตลาด และปั้นแบรนด์ไทยให้แข็งแกร่ง ชี้ควรใช้ FTA เป็นใบเบิกทาง เจาะจีน อาเซียน

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. ได้ติดตามสถานการณ์สินค้า “ชาไทย” เพื่อประเมินโอกาสในการขยายตลาด ตามนโยบายที่ได้รับจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยพบว่า ชาไทยเป็นสินค้าดาวรุ่งที่มีโอกาสในการขยายตัวได้อีกมาก ซึ่งเห็นได้จากยอดการส่งออกในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2564 (ม.ค. – ก.ค.) มีปริมาณสูงถึง 2,192.44 ตัน เพิ่มขึ้น 99.88% และมีมูลค่า 508.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119.36% (สินค้าประเภทชาเขียวและชาดำบรรจุหีบห่อ)


ทั้งนี้ จากแนวโน้มการส่งออกดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า ชาไทยยังมีโอกาสในการส่งออกได้เพิ่มขึ้น โดยหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง จะต้องเข้ามาช่วยเหลือในการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า โดยผลักดันให้มีมาตรฐานรับรอง ทั้งมาตรฐานในประเทศและมาตรฐานต่างประเทศ เช่น การผลิตทางการเกษตรอย่างถูกต้องและเหมาะสม (GAP) มาตรฐานการผลิตผลิตภัณฑ์ (GMP) สิ่งบ่งชี้ภูมิศาสตร์ (GI) รวมถึงการรับรองสินค้าอินทรีย์ เป็นต้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อ และช่วยเพิ่มโอกาสในการขายให้กับชาไทย

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะต้องเร่งให้ความรู้แก่เกษตรกรทั้งในด้านการเพาะปลูกชาที่ตลาดต้องการ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การแปรรูปไปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลาย ช่วยผลักดันให้มีการรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชนหรือเกษตรแปลงใหญ่ และต้องช่วยขยายช่องทางการตลาดให้กับเกษตรกร ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะช่องทางตลาดออนไลน์ที่มีความสำคัญและได้รับความนิยมในปัจจุบัน ขณะเดียวกัน ควรจะช่วยประชาสัมพันธ์ชาไทย เพื่อกระตุ้นการบริโภค เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคได้ปรับเปลี่ยนจากการบริโภคเครื่องดื่มตามกระแส มาเป็นเลือกบริโภคเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมากขึ้น ซึ่งชาไทย เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีและได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ส่วนการส่งออก ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสในการส่งออกชาและผลิตภัณฑ์ชาไทย เพราะชาไทยเป็นที่นิยมและยอมรับในหมู่ผู้บริโภค โดยมีตลาดสำคัญ เช่น ไต้หวัน จีน และอาเซียน ซึ่งในส่วนของจีนและอาเซียน สามารถใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่ปัจจุบันมีการลดภาษีนำเข้าให้กับชาไทยแล้ว ทำให้สินค้าไทยมีความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง


ปัจจุบัน แหล่งปลูกชาที่สำคัญของไทยอยู่ในพื้นที่ภูเขาสูงในภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง และน่าน ชาสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงต้นฤดูฝน และสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทั้งปี โดยในช่วงเดือน พ.ย. – ธ.ค. เป็นช่วงที่ผลผลิตออกมากที่สุด ไทยมีพื้นที่ปลูกชาในปี 2563 จำนวน 149,656.95 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปี 2562 คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.90 โดยพันธุ์ที่นิยมปลูกมากที่สุด ได้แก่ พันธุ์ชาอัสสัม และพันธุ์ชาจีน คิดเป็นร้อยละ 87 และ 13 ตามลำดับ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีตครูจำใจสร้างห้องขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา

สลด! อดีตครูวัย 64 ปี จำใจจ้างช่างทำห้องคล้ายกรงขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา-พนันออนไลน์ หลังส่งตัวบำบัดกว่า 10 ครั้ง แต่ออกมาก็เหมือนเดิม

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2 โชคดีบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ส่งรักษาตัวที่ รพ.เจ้าพระยา

อาม่าแจ้งความ “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธีสูญ 60 ล้าน

อาม่าวัย 77 ปี โร่แจ้งความเอาผิด “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธี-แนะซื้อวัตถุมงคลแล้วไม่ได้รับของ สูญเงินกว่า 60 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

เรือใบอิตาลีที่สวยงามที่สุดในโลกเดินทางถึงภูเก็ตแล้ว

ภูเก็ตคึกคัก เรือใบอิตาลีที่ขึ้นชื่อว่างดงามที่สุดลำหนึ่งของโลก ออกเดินทางมาแล้วรอบโลก ได้เข้าจอดเทียบท่าจังหวัดภูเก็ต โดยมีทัพเรือภาคที่ 3 ให้การต้อนรับทหารเรืออิตาลีกว่า 150 นาย อย่างอบอุ่นพร้อมเปิดให้ประชาชนขึ้นชมเรือฟรีได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (6 พ.ย.)

พระเปย์สีกา ช่องโหว่ผลประโยชน์ในดงขมิ้น

รองเจ้าอาวาสวัดชื่อดังแห่งหนึ่งในมหาสารคาม ขอลาสิกขากลางดึก หลังถูกแฉ เป็นพระปลัดใจป๋า เปย์สีกาไม่อั้น ขณะที่รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สั่งตรวจสอบว่า เป็นเงินส่วนตัว หรือ เงินวัด เพราะจะมีความผิดแตกต่างกัน

“สันธนะ” เปิดใจหลังเคลียร์ใจ “ชูวิทย์” กลับไทยขึ้นศาล

“สันธนะ” เผย นอนคิดมา 1 คืนเริ่มใจอ่อนรับคำขอโทษ “ชูวิทย์” รับรู้ถึงความจริงใจ แต่คดีอาญาถอนฟ้องไม่ได้ ต้องปล่อยไปตามกฎหมาย